ผู้เยี่ยมชม
6959
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2555/01/19
รหัสในเว็บไซต์ fa9731 รหัสสำเนา 20964
คำถามอย่างย่อ
มีฮะดีษจากอิมามอลี(อ.)บทหนึ่งกล่าวถึงมัสญิดญัมกะรอนและภูเขานบีคิเฎร ซึ่งปรากฏในหนังสืออันวารุ้ลมุชะอ์ชิอีน ถามว่าฮะดีษบทนี้เชื่อถือได้เพียงใด และนับเป็นอภินิหารของท่านหรือไม่?
คำถาม
อัสลามุอลัยกุม ดิฉันเห็นฮะดีษต่อไปนี้ในบางเว็บไซต์ ซึ่งอ้างอิงจากหนังสืออันวารุลมุชะอ์ชิอีน อยากทราบเนื้อหาตั้งแต่แรกจนจบของฮะดีษนี้แต่ไม่สามารถจะหาอ่านได้ กรุณานำเสนอฮะดีษทั้งบทด้วยค่ะ ฮะดีษนี้มีอยู่ว่า :
ในหนังสือคุลาเศาะตุลบุลดาน รายงานจากหนังสือมูนิสุ้ลฮะซีน (ประพันธ์โดยเชคเศาะดู้ก) รายงานจากอิมามอลีด้วยสายรายงานที่เศาะฮี้ห์ว่า ท่านปรารภกับฮุซัยฟะฮ์ว่า “โอ้บุตรของยะมานี ในระยะแรกของการปรากฏกาย กออิมแห่งอาลิมุฮัมมัดจะเริ่มต่อสู้จากเมืองที่เรียกว่า “กุม” และเชิญชวนผู้คนสู่สัจธรรม ชาวโลกทั้งตะวันออกและตะวันตกจะหลั่งใหลสู่เมืองนี้ อิสลามจะได้รับการชุบชีวิต โอ้บุตรของยะมานี แผ่นดินดังกล่าวศักดิ์สิทธิ์ ปลอดจากความโสมม ขนาดของนครนี้คือเจ็ดฟัรซัคคูณแปดฟัรซัค ธงชัยของเขาจะปักลงที่ภูเขาสีขาว (ล่าสุดกล่าวกันว่าภูเขานบีคิเฎรคือภูเขาสีขาวดังกล่าว) ณ หมู่บ้านเก่าแก่ใกล้มัสญิดและราชวังเก่าแก่ของพวกโซโรแอสเตอร์ที่เรียกกันว่าญัมกะรอน เขาจะย่างก้าวออกจากใต้หออะซานมัสญิดดังกล่าว ใกล้กับอดีตที่ตั้งของสถานบูชาไฟ...”
ฮะดีษนี้ต้องการจะบอกว่ามัสญิดญัมกะรอนมีความสำคัญอย่างยิ่ง และเป็นอีกหนึ่งศูนย์บัญชาการของอิมามมะฮ์ดี ดังที่มัสญิดซะฮ์ละฮ์จะเป็นศูนย์กลางการบริหารของท่านในอนาคต มัรฮูมคอทูซิยอนได้อธิบายฮะดีษข้างต้นอย่างละเอียด ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่าฮะดีษที่เกี่ยวกับวีรกรรมมักไม่จำเป็นต้องตรวจสอบสายรายงานนัก เพราะว่ามีแต่บรรดามะอ์ศูมีนเท่านั้นที่จะหยั่งรู้อนาคตเนื่องจากเชื่อมต่อกับแหล่งความรู้แห่งวะฮีย์ เห็นได้จากการที่ในสมัยที่ท่านอิมามอลีเล่าเรื่องดังกล่าว ชาวฮิญาซและอิรัก ซึ่งน้อยคนนักที่จะเคยได้ยินชื่อเมืองกุม อิมามจึงมักต้องอธิบายว่ากุมอยู่ใกล้กับเมือง”เรย์”เพื่อให้สาวกทราบพิกัดของเมือง เพราะฉะนั้น คิดว่าในยุคนั้นคงไม่มีชาวฮิญาซคนใดรู้จักหมู่บ้านญัมกะรอนในเมืองกุม
คำตอบโดยสังเขป

แม้จะไม่สามารถปฏิเสธฮะดีษดังกล่าวอย่างสิ้นเชิง แต่ต้องทราบว่าหนังสือที่บันทึกฮะดีษนี้ล้วนประพันธ์ขึ้นหลังยุคอิมามอลีถึงกว่าพันปี หนังสือรุ่นหลังอย่างอันวารุลมุชะอ์ชิอีนก็รายงานโดยปราศจากสายรายงาน โดยอ้างถึงหนังสือของเชคเศาะดู้ก (มูนิสุ้ลฮะซีน) ซึ่งนอกจากจะหาอ่านไม่ได้แล้ว ยังมีการตั้งข้อสงสัยกันว่าหนังสือดังกล่าวเป็นผลงานของเชคเศาะดู้กจริงหรือไม ด้วยเหตุนี้ ในทางวิชาฮะดีษจึงไม่สามารถใช้ฮะดีษดังกล่าวอ้างอิงในแง่ฟิกเกาะฮ์ ประวัติศาตร์ เทววิทยา ฯลฯ ได้เลย

คำตอบเชิงรายละเอียด

สายรายงานของฮะดีษที่คุณอ้างมาปรากฏชื่อหนังสือดังต่อไปนี้ตามลำดับ อันวารุลมุชะอ์ชิอีน, คุลาเศาะตุ้ลบุลดาน และมูนิสุ้ลฮะซีน เพื่อให้เข้าใจฮะดีษอย่างถ่องแท้ เราขอวิจารณ์หนังสือเหล่านี้พอสังเขปแล้วจึงหาข้อสรุปในตอนท้าย

1. หนังสืออันวารุลมุชะอ์ชิอีน ฟีบะยานิ ชะรอฟะติ กุม วัลกุมียีนมีสามเล่ม เขียนเป็นภาษาฟารซี มีเนื้อหาเล่าประวัติความเป็นมาของเมืองกุม และชีวประวัติของวงศ์วานนบี ตลอดจนนักรายงานฮะดีษที่พำนักอยู่ในเมืองนี้ เขียนขึ้นเมื่อราวๆร้อยปีก่อน และพิมพ์ที่อิหร่านเป็นครั้งแรก

2. หนังสือคุลาเศาะตุ้ลบุลดานเขียนไว้ประมาณสามร้อยปีก่อน มีเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติศาสตตร์เมืองกุม และถือเป็นแหล่งอ้างอิงของหนังสือเล่มก่อน

3. หนังสือมูนิสุ้ลฮะซีนมีการอ้างว่าเป็นผลงานของเชคเศาะดู้ก ซึ่งก็อาจหมายถึงอบูญะฟัร มุฮัมมัด บิน อลี บิน บาบะวัยฮ์ เสียชีวิตเมื่อราวๆพันปีก่อน ฮะดีษที่ถามมาก็อ้างถึงหนังสือเล่มดังกล่าว
แต่ต้องชี้แจงว่าผู้รู้ที่มีชื่อเสียงของชีอะฮ์อย่างเชคฏูซีและนะญาชีซึ่งเคยเขียนหนังสือในเชิงบรรณารักษ์ศาสตร์ไว้ กล่าวถึงเชคเศาะดู้กและผลงานของท่านโดยมิได้เอ่ยถึงหนังสือชื่อมูนิสุ้ลฮะซีนเลย ผู้รู้ในหลายศตวรรษต่อมาอาทิเช่น อิบนิ ชะฮ์รอชู้บ และ อิบนิฏอวู้สก็มิได้กล่าวถึงหนังสือเล่มดังกล่าวเลย

อย่างไรก็ดี ในหนังสือมะนากิบของอิบนิชะฮ์รอชู้บ มีฮะดีษหนึ่งรายงานจาก มูนิสุ้ลฮะซีน ซึ่งเขาระบุว่าผู้เขียนคือ มุฮัมมัด ฟัตตาล มิไช่เชคเศาะดู้ก
ที่ยิ่งไปกว่าการระบุว่าใครคือผู้เขียนหนังสือดังกล่าวก็คือ การที่ไม่มีหนังสือดังกล่าวหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน ทำให้นักวิชาการไม่สามารถจะนำมาศึกษาและวิจัยสายรายงานของฮะดีษดังกล่าวได้

จากที่กล่าวมาทั้งหมด ต้องทำความเข้าใจเบื้องต้นว่า

1. ฮะดีษนี้พบได้เพียงในหนังสืออันวารุลมุชะอ์ชิอีนเท่านั้น ซึ่งก็เขียนไว้ในศตรรษนี้ กล่าวได้ว่าฮะดีษในหนังสือเล่มนี้หากไม่มีแหล่งอ้างอิงอื่นประกอบ ย่อมจะขาดความน่าเชื่อถือ
2. แม้ตำราประมวลฮะดีษชุดใหญ่อย่างบิฮารุลอันว้ารซึ่งรวบรวมฮะดีษอย่างครบครัน มิได้กล่าวถึงฮะดีษบทดังกล่าว
3. ยังมีข้อสงสัยว่าหนังสือมูนิสุ้ลฮะซีนเป็นผลงานของเชคเศาะดู้กจริงหรือไม่
4. สมมุติว่าหนังสือเล่มดังกล่าวเป็นผลงานของท่านจริง แต่ต้องทราบว่าระยะห่างระหว่างหนังสือคุลาเศาะตุ้ลบุลดานที่เป็นแหล่งอ้างอิงของอันวารุลมุชะอ์ชิอีน กับหนังสือมูนิสุ้ลฮะซีนนั้น มีมากกว่าเจ็ดร้อยปี โดยไม่มีการระบุว่าอ้างอิงผ่านใครบ้าง
5. หนังสือยุคหลังเท่านั้นที่อ้างว่าฮะดีษดังกล่าวมีสายรายงานเศาะฮี้ห์ ในขณะที่ฮะดีษดังกล่าวไม่มีสายรายงานให้ตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องนี้
6. แม้หากตำราที่มีชื่อเสียงอย่างกุตุ้บอัรบะอะฮ์(ที่ประพันธ์ขึ้นในยุคที่ไม่ห่างจากยุคอิมามมากนัก)จะรายงานฮะดีษโดยไม่ระบุสายรายงาน นักวิชาการก็มักจะไม่นำฮะดีษประเภทนี้มาใช้วินิจฉัยปัญหาศาสนา นอกจากจะมีเบาะแสที่พิสูจน์ความน่าเชื่อถือได้เท่านั้น นับประสาอะไรกับฮะดีษที่มีบันทึกในหนังสือที่เขียนขึ้นหลังจากอิมามเป็นพันปี โดยที่ไม่อ้างอิงไปยังตำราที่น่าเชื่อถือและพิสูจน์ได้

ด้วยเหตุปัจจัยที่กล่าวมาสามารถสรุปได้ว่า ในทางวิชาฮะดีษแล้ว ไม่สามารถจะนำฮะดีษดังกล่าวไปใช้พิสูจน์ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ นิติศาสตร์ หรือเทววิทยาอิสลามได้ คุณไม่สามารถพบเห็นหนังสือเชิงวิเคราะห์ที่มีขื่อเสียงเล่มใดที่พิสูจน์ทฤษฎีของตนด้วยฮะดีษประเภทนี้
แต่อย่างไรก็ดี เราก็ไม่อาจจะปฏิเสธฮะดีษดังกล่าวโดยสิ้นเชิง จึงขอสรุปปิดท้ายดังนี้ว่า

1. เราไม่พบตัวบทฉบับสมบูรณ์ของฮะดีษนี้
2. เราจะใช้ฮะดีษนี้พิสูจน์อภินิหารของอิมามอลี(.)ได้ก็ต่อเมื่อพบฮะดีษดังกล่าวในหนังสืออื่นๆที่มิไช่หนังสือที่เขียนขึ้นในปัจจุบันเท่านั้น
3. ในบางกรณี เราสามารถใช้ฮะดีษประเภทนี้เป็นตัวเสริมความน่าเชื่อถือของเนื้อหาของฮะดีษอื่นๆได้

แปลคำถามภาษาต่างๆ