การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
9652
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/11/21
 
รหัสในเว็บไซต์ fa1708 รหัสสำเนา 19008
คำถามอย่างย่อ
มีความแตกต่างกันบ้างไหมระหว่างทัศนะของชีอะฮฺ กับทัศนะของซุนนียฺในปัญหาเกี่ยวกับท่านอิมามมะฮฺดียฺ (อ.)
คำถาม
ทัศนะของอะฮฺลิซซุนนะฮฺเกี่ยวกับอิมามมะฮฺดียฺ (อ.) คืออะไร? และปัญหานี้ชีอะฮฺและซุนนะฮฺมีทัศนะแตกต่างกันหรือไม่?
คำตอบโดยสังเขป

แน่นอนความเชื่อเรื่องอิมามมะฮฺดียฺ (.) เป็นส่วนสำคัญของหลักศรัทธาอิสลาม บนพื้นฐานคำบอกกล่าวของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อล ) ซึ่งมีอยู่ในคำสอนของทุกนิกายอิสลาม. รายงานฮะดีซที่เกี่ยวข้องกับท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) มีปรากฏอยู่ในตำราที่มีชื่อเสียงของฝ่ายอะฮฺลุซซุนนะฮฺจำนวนมากมาย ซึ่งถ้าพิจารณาให้ละเอียดนิดหน่อยก็จะพบว่าระหว่าง 2 นิกายอิสลามระหว่างซุนนีย์ และชีอะฮฺมีจุดคล้ายเหมือนกันมากมายเกี่ยวกับประเด็นอิมามมะฮฺดียฺ (.) ซึ่งจุดร่วมและจุดคล้ายเหมือนเหล่านั้นได้แก่

1.การปรากฏกายแน่นอนและการยืนหยัดต่อสู้ของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.)

2.สายตระกูลของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.)

- ท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) เป็นอะฮฺลุลบัยตฺและเป็นบุตรหลานของท่านศาสดา (ซ็อล )

- ท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) สืบเชื้อสายมาจากท่านอิมามอะลี (.)

- ท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) สืบเชื้อสายมาจากท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ (.)

3. คุณสมบัติทางกายภาพของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.)

- เป็นผู้มีแสนยานุภาพขณะปรากฏกาย

- มีใบหน้าเปล่งรัศมีเรืองรอง

- เป็นผู้มีใบหน้าสง่างาม รูปหน้าวงรี จมูกโด่ง

- มีลักษณะท่าทางคล้ายศาสดา (ซ็อล ) และมีไฝที่หัวไหล่

4. มีนามชื่อเดียวกันกับท่านศาสดา (ซ็อล ).

5.ปฐมบทในการปรากฏกาย

- การสิ้นหวังโดยสิ้นเชิงของประชาชน

- ความอธรรมได้ครอบครองโลก

6. สัญลักษณ์ของการปรากฏกาย

- มีเสียงเรียกร้องจากฟากฟ้า

- การออกมาของซุฟยาน

- การหลบซ่อนตัวของแผ่นดินนามว่า บีดาอฺ

- การสังหารชีวิตบริสุทธิ์

7. ภารกิจเกี่ยวข้องกับการปรากฏกายของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.)

- คำสั่งในการปรากฏกายของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) ในช่วงคืนเดียว

- สถานที่ปรากฏกาย

- การให้สัตยาบันกับท่านอิมามมะฮฺดีย. (.)

- การลงมาของมลาอิกะฮฺ เพื่อช่วยเหลือท่าน

- การปรากฏกายของศาสดาอีซา (.) เพื่อปฏิบัติตามท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.)

อย่างไรก็ตามอะฮฺลิซซุนนะฮฺกลุ่มหนึ่งมีความเชื่อขัดแย้งกับชีอะฮฺ- พวกเขาไม่ยอมรับว่าอิมามมะฮฺดียฺ (.) ประสูติในปี .. 255 และอยู่สภาพเร้นกายที่ยาวนานเหมือนปัจจุบัน, ทว่าพวกเขามีความเชื่อว่าท่านอิมาม (.) จะประสูติในระยะเวลาใกล้เคียงกับการปรากฏกาย (40 ปีก่อนการปรากฏกาย) ซึ่งท่านจะทำให้แผ่นดินเต็มเปี่ยมไปด้วยความยุติธรรม และผู้ที่ได้รับสัญญานี้คือบุตรหลานที่สืบเชื้อสายมาจากท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ (.)

คำตอบเชิงรายละเอียด

ปัญหาเรื่องอิมามมะฮฺดียฺ (.) และความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในหมู่บรรดามุสลิมทั้งหลาย ซึ่งปัญหาดังกล่าวมิได้จำกัดวงแคบอยู่เพียงสังคมชีอะฮฺเท่านั้น, ทว่าอะฮฺลิซซุนนะฮฺโดยทั่วไปก็มีความเห็นพร้องกับชีอะฮฺในเรื่องนี้ ซึ่งมีรายงานอยู่ในขั้นมุตะวาติร (เชื่อถือได้จำนวนมาก) กล่าวเกี่ยวกับท่านอิมามมะฮฺดียฺเอาไว้

รายงานฮะดีซเกี่ยวกับเรื่องอิมามมะฮฺดียฺ (.) ซึ่งรายงานมาจากฝ่ายอะฮฺลิซุนนะฮฺ เป็นรายงานที่เชื่อถือได้ (มุตะวาติร) มีมากเกินกว่า 100 รายงาน ซึ่งฮะดีซเหล่านั้นทั้งหมดต่างพูดถึงเรื่องการปรากฏกายของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) ทั้งสิ้น สายรายงานที่มีชื่อเสียงซึ่งมีจำนวนเกินกว่า 20 คน ล้วนเป็นเซาะฮาบะฮฺของท่านศาสดาทั้งสิ้น ซึ่งพวกเขาได้รายงานเรื่องอิมามมะฮฺดียฺ (.) โดยตรงจากปากของท่านศาสดา (ซ็อล ) และรายงานฮะดีซเหล่านี้ล้วนบันทึกอยู่ในตำราฮะดีซที่มีชื่อเสียงของซุนนียฺทั้งสิ้น : ไม่ว่าจะเป็น สุนัน, มะอาญิม, มะซานีด, เช่น : สุนันอบูดาวูด, สุนันติรมีซีย์, สุนันอิบนุมาญะฮฺ, มุสนัดอะฮฺมัด, เซาะฮียฺฮากิม, บะซอซ, มุอฺญิมฏ็อบลอนนียฺ และอื่นๆ ..

จากตำราอ้างอิงและคำพูดของอุละมาอฺฝ่ายซุนนียฺ เข้าใจได้ว่า ท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) เป็นบุตรหลานที่สืบเชื้อสายมาจากท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ (.) และท่านต้องปรากฏกายอย่างแน่นอนในวันหนึ่ง

ผู้รู้ฝ่ายซุนนียฺ ได้แสดงทัศนะต่างๆ มากมายเกี่ยวกับประเด็นการปรากฏกาย เช่น :

เกี่ยวกับการปรากฏกายของผู้ที่จะมาปรับปรุงโลกในยุคสุดท้าย ในหมู่เซาะฮาบะฮฺและตาบิอีนนับตั้งแต่ศตวรรษแรก และหลังจากนั้นจวบจนถึงปัจจุบันไม่มีความขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งอุละมาอฺซุนนียฺทั้งหมด มีความเห็นพร้องต้องกันถึงเรื่องการปรากฏกายของท่าน ถ้าหากบุคคลใดมีความคลางแคลงใจในความถูกต้องของฮะดีซของท่านศาสดา (ซ็อล ) เกี่ยวกับการปรากฏกายของท่านอิมามแล้วละก็, จะนำเอาฮะดีซเหล่านั้นไปกำกับความที่ว่า ไม่มีการยืนหยัดในประเด็นนี้หรือการไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ด้วยเหตุนี้เองจวบจนถึงปัจจุบันยังไม่มีผู้ใดปฏิเสธเรื่องการปรากฏกายของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) แม้แต่คนเดียว

เกี่ยวกับประเด็นนี้ สุวัยดี กล่าวว่า : สิ่งที่ทุกคนเห็นพร้องต้องกันก็คือ มะฮฺดียฺคือบุคคลหนึ่งที่จะปรากฏกายและยืนหยัดต่อสู้ในยุคสุดท้าย เขาจะทำให้โลกนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยควมยุติธรรม[1]

ค็อยรุดดีน อาลูซียฺ เป็นอุละมาอฺที่มีชื่อเสียงอีกท่านหนึ่งของซุนนียฺ กล่าวว่า : บนพื้นฐานความถูกต้องที่สุดที่นักปราชญ์และผู้รู้ฝ่ายซุนนียฺได้กล่าวเกี่ยวกับการปรากฏกายของมะฮฺดียฺคือ การปรากฏกายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของวันกิยามะฮฺ แม้ว่าจะมีผู้รู้ฝ่ายซุนนียฺบางคนปฏิเสธทัศนะของเขาก็ตาม แต่นั่นก็ไม่มีคุณค่าเพียงพอต่อการเชื่อถือแต่อย่างใด[2]

ตำราจำนวนมากมายที่ได้ถูกเขียนขึ้นโดยผู้รู้ฝ่ายซุนนียฺ ในหัวข้อต่างๆ เกี่ยวกับการปรากฏกายของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.), ถึงขั้นที่ว่าเชคมุฮัมมัด อีระวานียฺ ได้บันทึกไว้ในหนังสือของท่านนามว่า อัลอิมามุลมะฮฺดียฺ (.) ว่า : ชาวซุนนียฺ,ได้เขียนตำรามากมายเกี่ยวกับการรวบรวมรายงานฮะดีซ เกี่ยวข้องกับการปรากฏกายของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) ว่า ในยุคสุดท้ายจะมีบุคคลหนึ่งนามว่า มะฮฺดียฺ (.) ปรากฏกายออกมา, ฉันมีข้อมูลถูกต้องว่าผู้รู้ฝ่ายซุนนียฺได้เขียนตำราในหัวข้อดังกล่าวมากเกินกว่า 30 เล่ม[3] แม้ว่าประเด็นดังกล่าวนี้จะมีความเห็นพร้องต้องกันระหว่างชีอะฮฺ และซุนนียฺ, แต่ก็มีซุนนียฺบางกลุ่มจำนวนน้อยนิดพยายามที่จะกล่าวว่า รายงานฮะดีซเกี่ยวกับท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) อ่อนแอเชื่อถือไม่ได้, เช่น อิบนุคัลดูน ได้บันทึกไว้ในตำราประวัติศาสตร์ของตนว่าฮะดีซเหล่านี้อ่อนแอเชื่อถือไม่ได้[4] หรือระชีดริฎอ (ผู้เขียนตัฟซีรอัลมินาร) ได้อธิบายตอนอธิบายโองการที่ 32 บทอัตเตาบะฮฺโดยระบุว่าฮะดีซเกี่ยวกับมะฮฺดียฺ ล้วนเป็นฮะดีซที่อ่อนแอเชื่อถือไม่ได้[5] อย่างไรก็ตามผู้รู้ทั้งสองท่านไม่ได้นำเหตุผลมาสนับสนุนคำกล่าวอ้างของตนแต่อย่างใด เพียงแค่กล่าวว่าฮะดีซเชื่อถือไม่ได้เท่านั้นเอง แต่ไม่มีเหตุผลอธิบายว่าเพราะอะไร ขณะเดียวกันคำพูดของผู้รู้ทั้งสองท่านนี้ได้รับการวิจารณ์และหักล้างอย่างรุนแรงจากผู้รู้ฝ่ายอะฮฺลิซุนนะฮฺท่านอื่น

งานเขียนของผู้รู้ฝ่ายชีอะฮฺก็ได้ตอบข้อครหาของผู้รู้ทั้งสองไว้เช่นกัน, ในส่วนของอิบนุคัลดูนได้เขียนเกี่ยวกับความเชื่อของมุสลิมในเรื่องมะฮฺดียฺ (.) ไว้ว่า : เป็นที่รับทราบกันเป็นอย่างดีในหมู่มุสลิมทั้งหลายว่า ในยุคสุดท้ายจะมีชายคนหนึ่งจากอะฮฺลุลบัยตฺของเราะซูลปรากฏกายออกมา เขาจะปกป้องศาสนาและสถาปนาความยุติธรรม และมุสลิมทั้งหลายจะเชื่อฟังปฏิบัติตามเขา และเขาจะได้ครอบครองอาณาจักรอิสลาม ซึ่งบุคคลนั้นมีนามชื่อว่า มะฮฺดียฺ (.)[6] ด้วยเหตุนี้เอง, การที่อิบนุคัลดูน กล่าวว่า ฮะดีซที่เกี่ยวกับอิมามมะฮฺดียฺ ล้วนเป็นฮะดีซที่อ่อนแอเชื่อถือไม่ได้ทั้งสิ้น จึงขัดแย้งอย่างรุนแรงกับความเชื่อส่วนใหญ่ของผู้รู้ฝ่ายซุนนียฺในเรื่องอิมามมะฮฺดียฺ แต่ก็ไม่สามารถหักล้างความเชื่อเหล่านั้นได้ เนื่องจากความเชื่อในเรื่องนี้มาจากฮะดีซจำนวนมาก ซึ่งได้รายงานไว้โดยสายงานซุนนียฺ

ลำดับต่อไปจะกล่าวถึงรายงานฮะดีซของผู้รู้บางท่าน ที่ได้บันทึกฮะดีซเหล่านี้ไว้ในตำราของตน แม้ว่าจะประมาณการได้คร่าวๆ ว่าคำกล่าวอ้างเรื่องอิมามมะฮฺดียฺ (.) ได้ถูกบันทึกอยู่ในตำราฮะดีซของฝ่ายซุนนียฺ อย่างน้อยที่สุดเพียงสองสามรายงาน เช่น :

1.อิบนุสะอฺด์ (เสียชีวิตเมื่อ .. 230), 2. อิบนุอบีชัยบะฮฺ (เสียชีวิตเมื่อ .. 235), 3. อะฮฺมัดบินฮันบัล (เสียชีวิตเมื่อ .. 241), 5.มุสลิม (เสียชีวิตเมื่อ .. 261), 6.อิบนุมาญะฮฺ (เสียชีวิตเมื่อ .. 273), 7.อบูบักรฺ อัสกาฟียฺ (เสียชีวิตเมื่อ .. 273), 8.ติรมีซียฺ (เสียชีวิตเมื่อ .. 279), 9.ฏ็อบรียฺ (เสียชีวิตเมื่อ .. 280), 10. อิบนุกุตัยบะฮฺ ดีนวะรียฺ (เสียชีวิตเมื่อ .. 276), 11.ฮากิม เนชาบูรียฺ (เสียชีวิตเมื่อ .. 405), 12.บัยฮะกียฺ (เสียชีวิตเมื่อ .. 458), 13.เคาะฏีบ บัคดาดียฺ (เสียชีวิตเมื่อ .. 463), 14.อิบนุ อะซีร ญุซรียฺ (เสียชีวิตเมื่อ .. 606),[7]

ผู้รู้ฝ่ายซุนนีย์อีกท่านหนึ่งเขียนว่า : มีรายงานจำนวนมากมายเกี่ยวกับเรื่องอิมามมะฮฺดียฺ (.) ซึ่งรายงานเหล่านั้นอยู่ในขั้นของ มุตะวาติร (เชื่อถือได้) ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่รับรู้กันดีในหมู่ผู้รู้ฝ่ายซุนนียฺ, ถึงขั้นที่ว่าเป็นความเชื่อของพวกเขาทีเดียว, ผู้รู้ฝ่ายซุนนียฺอีกท่านหนึ่งเขียนว่า : รายงานฮะดีซเกี่ยวกับมะฮฺดียนั้นได้ถูกรายงานไว้โดยสายรายงานที่แตกต่างกัน ซึ่งได้รายงานมาจากเซาะฮาบะฮฺเสียเป็นส่วนใหญ่ และลำดับต่อจากนั้นได้รายงานมาจาตาบิอีน, ถึงขั้นที่ว่ากลุ่มฮะดีซเหล่านั้นให้ประโยชน์อันเชื่อถือได้ทางวิชาการ, ด้วยเหตุนี้เองการเชื่อเกี่ยวกับการปรากฏกายของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) เป็นวาญิบ, ดังเช่นที่ว่าวาญิบนี้เป็นที่พิสูจน์แล้วในหมู่นักวิชาการฝ่ายซุนนียฺ และเป็นหลักความเชื่อที่ได้รับการยอมรับในหมู่ซุนนียฺด้วย[8] อิบนุกะซีร กล่าวไว้ในหนังสือ อัลบิดายะฮฺ วันนิฮายะฮฺ ว่า : มะฮฺดียฺ (.) จะปรากฏกายในยุคสุดท้าย เขาจะทำให้โลกเปี่ยมไปด้วยความยุติธรรมและคุณธรรม ดุจดังเช่นที่โลกเคยเปี่ยมไปด้วยความอธรรมและบายมุข. เราได้เรียบเรียงฮะดีซเกี่ยวกับมะฮฺดียฺ (.) โดยแยกเล่มไว้ต่างหาก ดังเช่นที่อบูดาวูด ได้แยกฮะดีซไว้ในหนังสือสุนันของท่าน[9] ประเด็นนี้ได้รับการรายงานโดยผู้รู้ผู้ยิ่งใหญ่ฝ่ายซุนนียฺ, ซึ่งทำให้ประจักษ์ว่าปัญหาเรื่องอิมามมะฮฺดียฺ (.) และการเชื่อเรื่องการปรากฏกายของท่านนั้น ถือเป็นความเชื่อที่ได้รับการพิสูจน์และเป็นความเชื่อมั่นคงในฝ่ายซุนนะฮฺวัลญะมาอะฮฺ และฮะดีซที่รายงานเกี่ยวกับการปรากฏกายของท่านนั้นในหมู่พวกเขาอยู่ในขั้นของ มุตะวาติร (เชื่อถือได้).

เมื่อพิจารณาเนื้อหาที่กล่าวมาแล้วได้บทสรุปดังนี้ว่า ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องอิมามมะฮฺดียฺ (.) ระหว่างชีอะฮฺ กับซุนนียฺมีจุดร่วมที่คล้ายเหมือนกัน ดังนั้นตรงนี้จึงใคร่ขอนำเสนอจุดร่วมเรื่องอิมามมะฮฺดียฺ ของสองนิกายอิสลามชีอะฮฺ และซุนนียฺ ไว้ดังนี้ :

1.การปรากฏกายแน่นอนและการยืนหยัดต่อสู้ของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.)

2.สายตระกูลของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.)

สายตระกูลของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) ในทัศนะชีอะฮฺเป็นที่ประจักษ์แน่นอนอยู่แล้ว, ส่วนในทัศนะของซุนนียฺนั้นจะชี้ให้เห็นบางประเด็นดังนี้

2.1 ท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) เป็นอะฮฺลุลบัยตฺและเป็นบุตรหลานของท่านศาสดา (ซ็อล ) อิบนุมาญะฮฺ ได้กล่าวไว้ในสุนันของท่านว่า ท่านศาสดา (ซ็อล ) กล่าวว่า : มะฮฺดียฺมาจากพวกเราอะฮฺลุลบัยตฺ อัลลอฮฺผู้ทรงเกรียงไกรทรงให้เขาปรากฏในยามกลางคืน[10]

"المهدی ]عج[ منا اهل البیت یصلحه الله عزوجل فی لیلة"

2.2 ท่านอิมามมะฮฺดียฺ (.) สืบเชื้อสายมาจากท่านอิมามอะลี (.), ซุยูฏียฺ กล่าวไว้ในหนังสือ อุรฟุลวัรดียฺ ว่า ท่านเราะซูล (ซ็อล ) ได้จับมือท่านอะลี (.) พร้อมกับกล่าวว่า : [11]จะมีชายหนุ่มออกมาจากไขสันหลังของชายหนุ่มคนนี้ ซึ่งเขาจะทำให้แผ่นดินเต็มเปี่ยมไปด้วยความยุติธรรมและดุลยภาพ

"سیخرج من صلب هذا فتی یملأ الارض قسطاً و عدلاً"

2.3 ท่านอิมามมะฮฺดียฺ

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • จำเป็นหรือไม่ที่มิตรภาพระหว่างบุคคลขึ้นอยู่กับความคล้ายคลึงกันทางกายภาพ อย่างเช่น อายุและส่วนสูงที่เท่ากัน ฯลฯ?
    6804 จริยธรรมปฏิบัติ 2555/06/23
    สิ่งที่อิสลามใช้เป็นเกณฑ์ในการเลือกคบค้าสมาคมอันดับแรกก็คือคุณลักษณะทางจิตใจ หาไช่รูปลักษณ์ภายนอกไม่ อย่างไรก็ดี คุณลักษณะภายนอกบางประการอาจเป็นสิ่งสำคัญในบางสถานการณ์ ตัวอย่างเช่น การที่ไม่ควรคบหากับผู้ที่จะเป็นเหตุให้ถูกสังคมมองในทางที่ไม่ดี หลักเกณฑ์ของอิสลามคือ ควรต้องมีอีหม่าน, สามารถจุนเจือเพื่อนได้ทั้งทางโลกและทางธรรม, ช่วยตักเตือนในความผิดพลาด ฯลฯ ...
  • บุคลิกของอบูดัรดาอฺ เป็นเชนไร? อะฮฺลุลบัยตฺมีทัศนะอย่างไรกับเขา? รายงานที่เป็นมันกูลจากเขามีกฎเป็นอย่างไร?
    9745 تاريخ بزرگان 2555/04/07
    อุมัรบิน มาลิก เป็นลูกหลานที่สืบเชื้อสายมาจากเผ่า คัซร็อจญฺ ซึ่งส่วนใหญ่จะเรียกด้วยชื่อเล่นว่า อบูดัรดาอฺ เขาเป็นหนึ่งในเซาะฮาบะฮฺ (สหาย) ของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) และอยู่ในฐานะของผู้สืบเชื้อสายมาจากเผ่าคัซร็อจญฺ ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในมะดีนะฮฺ แต่หลังจากที่ท่านเราะซูล (ซ็อล ฯ) ได้เดินทางมามะดีนะฮฺได้ไม่นานนัก เขาก็เข้าพบท่านเราะซูล และได้ยอมรับอิสลาม อบูดัรดาอฺ คือผู้ที่ยืนยันว่าท่านอะลี (อ.) มีความดีและประเสริฐยิ่งกว่ามุอาวิยะฮฺมาก,เขาได้เข้าไปหามุอาวิยะฮฺพร้อมกับอบูฮุร็อยเราะฮฺ และเขาได้เชิญชวนมุอาวิยะฮฺให้เชื่อฟังปฏิบัติท่านอิมามอะลี (อ.), ครั้นเมื่อมุอาวิยะฮฺได้นำเอาเรื่องการสังหารอุสมานมาเป็นข้ออ้าง โดยอ้างว่าให้ท่านอิมามอะลีช่วยส่งคนสังหารอุสมานมาให้เขา หลังจากนั้นเขาได้ส่งอบูดัรดาอฺ และอบูฮุร็อยเราะฮฺมาหาท่านอิมาม อะลี (อ.) เพื่อขอตัวคนสังหารอุสมาน เพื่อสงครามการนองเลือดจะได้สิ้นสุดลง แล้วทั้งสองก็กลับมาหาท่านอิมามอะลี แต่ท่านมาลิกอัชตัรได้พบกับพวกเขาก่อน และได้ประณามพวกเขาอย่างรุนแรง พวกเขาจึงตัดสินใจไม่ไปพบท่านอิมามอะลีแล้ว, วันที่สองเมื่อความต้องการของพวกเขาได้แจ้งให้ท่านอิมามอะลี ได้รับทราบ พวกเขาจึงได้พบกับผู้จำนวนนับหมื่นคนแล้วประกาศแก่ทั้งสองว่า พวกเขานั่นแหละเป็นคนสังหารอุสมาน, ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ทั้งสองสิ้นหวังและกลับไปยังเมืองของตน และได้รับการประณามหยามเหยียดจาก อับดุรเราะฮฺมาน บิน ...
  • มุศฮัฟฟาฏิมะฮ์คืออะไร? ท่านนบี(ซ.ล.)และบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ทราบเรื่องนี้หรือไม่?
    9247 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/11/09
    มุศฮัฟฟาฏิมะฮ์เป็นชื่อหนังสือที่บันทึกโดยท่านอิมามอลี(อ.)ภายหลังนบีวะฝาตไปแล้วเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้เป็นข้อมูลที่ญิบรออีลหรือมะลาอิกะฮ์องค์หนึ่งถ่ายทอดแก่ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ซึ่งกล่าวถึงเหตุการณ์ในอนาคตตลอดจนความเร้นลับของอาลิมุฮัมมัด(ซ.ล.) หนังสือเล่มนี้ถือเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของตำแหน่งอิมามและเป็นมรดกตกทอดระหว่างอิมามปัจจุบันอยู่ในครอบครองของท่านอิมามมะฮ์ดี(อ.)เนื่องจากหนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นหลังท่านนบี(ซ.
  • เป็นไปได้อย่างไรที่มนุษย์คนหนึ่งซึ่งตลอดอายุขัยเขาอยู่ท่ามกลางการหลงทาง และประพฤติผิด และ..? แล้วในปรโลกชะตาชีวิตของเขาได้เปลี่ยนแปลงไปได้ไหม เนื่องจากการทำดี ดุอาอฺ และการวิงวอนขออภัยของคนอื่น ทั้งที่เขาไม่มีบทบาทอันใด?
    8255 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/11/21
    ประเด็นที่คำถามได้กล่าวถึงมิใช่ว่าจะสามารถรับได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม, หรือปฏิเสธโดยสิ้นเชิงร้อยทั้งร้อย, ทว่าขึ้นอยู่กับความผิดที่ได้กระทำลงไปโดยผู้กระทำผิด, เนื่องจากความผิดบางอย่างเช่น “การตั้งภาคีเทียบเทียมพระเจ้า”
  • เหตุใดบางคนจึงมีรูปลักษณ์ภายในความฝันเป็นสัตว์เดรัจฉาน ทั้งที่หลังจากนั้นเขาเตาบะฮ์และได้รับฐานันดรที่สูงส่ง
    11421 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/12/29
    เมื่อพิจารณาจากคำบอกเล่าของโองการกุรอานและฮะดีษต่างๆจะพบว่าผู้คนมากมายมีรูปโฉมทางจิตวิญญาณที่ไม่ไช่คนการกระทำบางอย่างสามารถเปลี่ยนรูปโฉมทางจิตวิญญาณให้กลายเป็นสัตว์ได้อาทิเช่นการดื่มเหล้าที่สามารถแปลงโฉมผู้ดื่มให้เป็นสุนัขในแง่จิตวิญญาณได้กรณีที่ถามมานั้นท่านอิมามฮุเซนมิได้เปลี่ยนรูปโฉมของเราะซูลเติร์กการกระทำของเขาต่างหากที่ทำให้ตนมีรูปโฉมดังที่กล่าวมาซึ่งหากไม่มีการเตือนด้วยความฝันดังกล่าวเขาก็คงยังไม่เตาบะฮ์แต่เมื่อเตาบะฮ์แล้วก็ย่อมจะคืนสู่รูปโฉมความเป็นคนเช่นเดิม ...
  • ใครคือบุคคลทีได้เข้าสรวงสวรรค์?
    9993 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/21
    จากการศึกษาอัลกุรอานหลายโองการเข้าใจได้ว่าสวรรค์คือพันธสัญญาแน่นอนของพระเจ้าและจะตกไปถึงบุคคลที่มีความสำรวมตนจากความชั่ว “มุตตะกี”หรือผู้ศรัทธา “มุอฺมิน” ผู้ที่ปฏิบัติตามพระบัญชาของพระเจ้า (ซบ.) และคำสั่งสอนของท่านเราะซูล (ซ็อลฯ) โดยสมบูรณ์บุคคลเหล่านี้คือผู้ได้รับความจำเริญและความสุขอันแท้จริงและเป็นผู้อยู่ในกลุ่มของผู้ประสบความสำเร็จทั้งหลายด้วยการพิจารณาพระบัญชาของอัลลอฮฺ (
  • แต่ละเมืองสามารถมีนมาซวันศุกร์ได้เพียงแห่งเดียวไช่หรือไม่?
    6120 สิทธิและกฎหมาย 2554/06/11
    ต่อข้อคำถามดังกล่าวบทบัญญัติศาสนาให้ถือระยะห่างระหว่างนมาซวันศุกร์สองแห่งเป็นเกณฑ์.บรรดามัรญะอ์ระดับสูงระบุว่า: ระยะห่างหนึ่งฟัรสัค(6กม.) ถือเป็นระยะห่างที่น้อยที่สุดระหว่างนมาซวันศุกร์สองแห่งหากมีการนมาซวันศุกร์สักแห่งแล้วไม่ควรมีนมาซวันศุกร์แห่งอื่นภายในรัศมีหนึ่งฟัรสัคอีกฉะนั้น การนมาซวันศุกร์สองแห่งที่เว้นระยะห่างหนึ่งฟัรสัคแล้วถือว่าถูกต้องทั้งสองแห่ง. อนึ่ง พิกัดที่ใช้วัดระยะห่างในที่นี้คือสถานที่จัดนมาซวันศุกร์มิได้วัดจากเขตเมือง เมืองใหญ่ที่มีรัศมีหลายฟัรสัคจึงสามารถจัดนมาซวันศุกร์ได้หลายแห่ง.[1]แต่หากเมืองใดมีการนมาซวันศุกร์สองแห่งโดยเว้นระยะห่างไม่ถึงหนึ่งฟัรสัค, ที่ใดที่เริ่มช้ากว่าให้ถือว่าเป็นโมฆะ แต่หากทั้งสองแห่งกล่าวตักบีเราะตุลเอียะฮ์รอมพร้อมกันให้ถือว่าทั้งสองเป็นโมฆะ.
  • จุดประสงค์ของท่านอิมามอะลี (อ.) จากการที่อัลลอฮฺทรงนิ่งเงียบต่อบางบทบัญญัติ? เพราะเหตุใดจึงตรัสว่าเพื่อการได้รับสิ่งนั้นไม่ต้องทำตนให้ลำบากดอก?
    7098 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/04/07
    ท่านอิมามอะลี (อ.) กล่าวในคำพูดของท่านว่า อัลลอฮฺ (ซบ.) มิทรงอธิบายแก่แท้ของทุกสิ่งเกี่ยวบทบัญญัติและวิชาการ, ทว่ายังมีอีกหลายสิ่งที่พระองค์มิทรงกำหนดให้เป็นหน้าที่แก่มนุษย์ พระองค์ทรงนิ่งเงียบกับสิ่งเหล่านั้น, เช่น หน้าที่ในการรับรู้วิชาการบางอย่างโดยละเอียด ซึ่งไม่มีผลต่อปรโลกแต่อย่างใด, แต่พระองค์ก็มิได้เฉยเมยเนื่องจากการหลงลืมแต่อย่างใด, เนื่องจากอัลลอฮฺทรงห่างไกลจากการหลงลืมทั้งปวง, ทว่าเนื่องจากสิ่งนั้นไม่มีมรรคผลอันใดแก่ปรโลกของมนุษย์ และด้วยเหตุผลที่ว่าการหมกมุ่นอยู่กับสิ่งเหล่านั้น เป็นสาเหตุทำให้มนุษย์ต้องละทิ้งความรู้อันก่อเกิดประโยชน์อย่างยิ่ง บางทีจุดประสงค์จาก การนิ่งเฉย เกี่ยวกับบางอย่าง, อาจเป็นเรื่องมุบาฮฺก็ได้ เช่น ความรู้เรื่องดาราศาสตร์, การคำนวณ, เรขาคณิต, บทกวี, หัตถกรรมโดยประณีต และ... การละเลยสิ่งเหล่านี้เนื่องจากไม่ให้ความสำคัญ และเป็นการไม่ใส่ใจของตัวท่านเอง แน่นอน มีวิชาการที่ค่อนข้างยากเช่น เรื่องเทววิทยา ปรัชญา หรือปรัชญาของบทบัญญัติ การจมดิ่งอยู่กับสิ่งเหล่านี้ – สำหรับบุคคลทั่วไปที่มิใช่นักวิชาการ หรือไม่มีความฉลาดเพียงพอ- นอกจากจะไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์อันเป็นประโยชน์แล้ว ยังอาจเป็นสาเหตุก่อให้เกิดเบี่ยงเบนทางความเชื่อได้อีกต่างหาก ...
  • หนทางหลุดพ้นจากความลุ่มหลงโลกคืออะไร?
    8919 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/21
    โลกที่มนุษย์อยู่อาศัยนี้มาจากคำว่า«ادنی» มาจากคำว่า«دنیء» และคำว่า«دنائت»
  • การโอนถ่ายพลังจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่งนั้นเป็นที่ยอมรับในศาสนาอิสลามหรือไม่? ประเด็นนี้มีฮุกุมเช่นไร?
    6360 สิทธิและกฎหมาย 2555/05/19
    เรื่องนี้รวมถึงการรักษาและผลพวงที่ว่ากันว่าจะได้รับจากการรักษาดังกล่าวยังไม่อาจพิสูจน์ได้ และอาจจะเป็นไปได้ว่าผู้ที่อยู่ในวงการนี้อาจจะอุปทานไปเอง ดังนั้นบรรดามะรอญิอ์ตักลีดก็ยังไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว เนื่องจากเป็นประเด็นที่ยังมีความคลุมเคลืออยู่ อย่างไรก็ตามคำตอบของบรรดามัรญิอ์ตักลีดท่านอื่นเกี่ยวกับคำถามนี้มีดังนี้ สำนักงานของท่านอายาตุลลอฮ์ อัลอุซมา มะการิม ชีรอซี ประเด็นหลักของการรักษาทางพลังเอเนรจีนั้นไม่มีปัญหาอะไร แต่หากจะต้องขึ้นอยู่กับการกระทำฮะรอมถือว่าไม่อนุญาต คำตอบของท่านอายาตุลลอฮ์ มะฮ์ดี ฮาดะวี เตหะรานี มีดังนี้ การกระทำนี้ โดยตัวของมันเองแล้วนั้นถือว่าไม่มีข้อห้ามแต่อย่างใด ยกเว้นกรณีที่กระทำด้วยปัจจัยที่เป็นฮะรอม เช่นการถูกเนื้อต้องตัวกับผู้ที่ไม่ใช่มะฮ์รอม ฯลฯ ซึ่งไม่เป็นที่อนุญาต ทว่าหากการนำเสนอประเด็นนี้เป็นพื้นฐานในการสร้างความเชื่อที่ผิด ๆ และผู้นำเสนอในประเด็นดังกล่าวจะแอบอ้างว่าตนมีพลังและความสามารถที่พิเศษเหนือมนุษย์ ซึ่งจะทำให้เกิดความเบี่ยงเบนและหันเหไปทางที่ผิดทางความคิดในสังคมนั้น ก็จะถือว่าประเด็นดังกล่าวเป็นสิ่งที่ฮะรอม หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง คำถามที่ 4864 (ลำดับในเว็บไซต์ ...

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60198 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    57656 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42271 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    39482 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    38995 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34057 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28065 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    28057 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    27893 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    25874 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...