การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
9035
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/08/17
 
รหัสในเว็บไซต์ fa1138 รหัสสำเนา 15980
คำถามอย่างย่อ
ในเมื่อนบีมูซาสังหารชายกิบฏี แล้วจะเชื่อว่าท่านไร้บาปได้อย่างไร?
คำถาม
กุรอานระบุว่านบีมูซาฆ่าชายกิบฏี ตกลงว่าท่านไร้บาปจริงๆหรือ?
คำตอบโดยสังเขป

นบีทุกท่านล้วนเป็นผู้ปราศจากบาปและมีสถานะอันสูงส่ง  อัลลอฮ์ (ตามระดับขั้นของแต่ละท่าน) และมีภาระหน้าที่ๆหนักกว่าคนทั่วไป โดยมาตรฐานของบรรดานบีแล้ว การให้ความสำคัญต่อสิ่งอื่นนอกเหนืออัลลอฮ์ถือเป็นบาปอันใหญ่หลวง
อย่างไรก็ดี นักวิชาการมีคำอธิบายเกี่ยวกับเหตุการณ์สังหารชายชาวกิบฏีหลายทัศนะ
คำอธิบายที่น่าสนใจที่สุดคือ ท่านมิได้ทำบาปใดๆ เนื่องจากการสังหารชาวกิบฏีในครั้งนั้นไม่เป็นฮะรอมเพราะควรแก่เหตุ เพียงแต่ท่านไม่ควรรีบลงมือเช่นนั้น
สำนวนในโองการกุรอานก็มิได้ระบุว่าเหตุดังกล่าวคือบาปของท่าน ดังที่มะอ์มูนถามอิมามริฎอ(.)เกี่ยวกับคำพูดของนบีมูซาที่ว่านี่คือการกระทำของชัยฏอน มันคือศัตรูผู้ล่อลวงอย่างชัดแจ้งหรือที่กล่าวว่าโอ้พระผู้อภิบาล ข้าฯอธรรมต่อตนเอง ขอทรงประทานอภัยเทอญอิมามริฎอตอบว่า การกระทำของชัยฏอนหมายถึงการทะเลาะเบาะแว้งกันของชายสองคน ส่วนที่ว่าท่านอธรรมต่อตนเองหมายถึงว่าท่านไม่ควรเข้ามาในเมือง ส่วนที่กล่าวว่าฟัฆฟิรลีหมายถึงขอให้พระองค์ทรงอำพรางท่านให้พ้นสายตาของฝ่ายฟาโรห์

คำตอบเชิงรายละเอียด

เพื่อให้ได้คำตอบที่กระจ่าง ควรพิจารณาถึงข้อเท็จจริงต่อไปนี้
. อะไรคือภาวะไร้บาป(อิศมะฮ์)?
อิศมะฮ์ในความหมายทั่วไป หมายถึงการได้รับความคุ้มครองอย่างปลอดภัย และการยึดเหนี่ยวสิ่งใดสิ่งหนึ่ง[i] ส่วนความหมายเชิงเทววิทยาหมายถึงความโปรดปรานพิเศษจากอัลลอฮ์ที่หากผู้ใดมี ก็จะทำลายแรงจูงใจที่จะฝ่าฝืนคำสั่งของพระองค์ แม้ว่าจะมีความสามารถที่จะทำบาปก็ตาม[ii]

. เหตุผลที่บรรดานบีจำเป็นต้องมีภาวะไร้บาป
1. หากบรรดานบีไม่มีภาวะไร้บาป ย่อมขัดต่อเป้าประสงค์ของพระองค์ เนื่องจากอัลลอฮ์แต่งตั้งนบีก็เพื่อที่จะแจ้งให้มนุษยชาติรับรู้ถึงผลประโยชน์และภัยคุกคามที่แท้จริง และเพื่อตระเตรียมปัจจัยที่จำเป็นต่อการขัดเกลาจิตใจเพื่อให้บรรลุความผาสุกในโลกนี้และโลกหน้า และเป้าประสงค์ดังกล่าวจะเป็นจริงได้ต่อเมื่อบรรดานบีมีภาวะไร้บาปเท่านั้น เนื่องจากหากนบียังทำบาป ถามว่าเรายังจะต้องปฏิบัติตามท่านหรือไม่ หากไม่ต้องปฏิบัติตาม แล้วจะมีนบีไปเพื่ออะไร แต่หากต้องทำบาปตาม ก็ย่อมเป็นเรื่องต้องห้ามที่จะทำบาป
2. หากนบีทำบาป ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังดำรงตำแหน่งนบีก็ตาม ย่อมทำให้ผู้คนหมดศรัทธาและเมินต่อคำสอนของพวกท่าน
ด้วยเหตุผลเชิงสติปัญญาข้างต้นและเหตุผลอื่นๆอีกมากมาย ทำให้ทราบว่าบรรดานบีจำเป็นต้องมีภาวะไร้บาป

. โองการที่ระบุว่าท่านนบีมูซาสังหารชายชาวกิบฏีไม่ขัดแย้งกับภาวะไร้บาปของท่านหรืออย่างไร?
กุรอานกล่าวว่าเขา(นบีมูซา)ได้เข้ามาในเมืองขณะที่ชาวเมืองไม่ทราบข่าว ทันใดนั้นเขาก็ได้เห็นชายสองคนกำลังทะเลาะกันอยู่ โดยที่หนึ่งในนั้นเป็นสาวกของเขา(บนีอิสรออีล) ส่วนอีกคนเป็นศัตรู ชายที่เป็นสาวกได้ขอความช่วยเหลือ มูซาได้ต่อยที่อกศัตรูทำให้ศัตรูสิ้นใจ มูซากล่าวว่า นี่คือการกระทำของชัยฏอน มันคือศัตรูผู้ล่อลวงอย่างชัดแจ้ง และกล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาล ข้าฯอธรรมต่อตนเอง ขอทรงประทานอภัยเทอญ อัลลอฮ์ได้อภัยแก่เขา และพระองค์คือผู้ทรงอภัยและเปี่ยมด้วยเมตตาธรรม[iii]
คำถามก็คือ ประโยคที่นบีมูซากล่าวว่านี่คือการกระทำของชัยฏอน มันคือศัตรูผู้ล่อลวงอย่างชัดแจ้งและที่ท่านกล่าวว่าโอ้พระผู้อภิบาล ข้าฯอธรรมต่อตนเอง ขอทรงประทานอภัยเทอญจะสอดคล้องกับภาวะไร้บาปของท่านได้อย่างไร?
ในประเด็นนี้ต้องทราบว่า ชายกิบฏีคนนั้นเป็นข้าราชบริพารของฟาโรห์ ซึ่งได้บังคับให้สาวกของนบีมูซาเก็บฟืน จึงเกิดเหตุชกต่อยกันขึ้น ขณะนั้นเอง นบีมูซาได้เข้าช่วยเหลือสาวกและต่อยที่อกของกิบฏีคนนั้นจนเป็นเหตุให้เขาตาย[iv] นักอรรถาธิบายกุรอานชี้แจงว่า การกระทำของนบีมูซาเข้าข่ายตัรกุลเอาลาหมายถึงการกระทำที่มิได้เป็นฮะรอม แต่จะเป็นสาเหตุให้สูญเสียโอกาสที่ดีกว่า[v] เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ท่านต้องประสบความยากลำบากมากขึ้น ทั้งนี้ก็เพราะทำให้ฟาโรห์สั่งไล่ล่าท่าน

หนังสือ อุยูน อัคบาริร ริฎอ บันทึกไว้ว่ามะอ์มูนได้เอ่ยถามท่านอิมามริฎอ(.)เกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านตอบว่าประโยคที่ว่านี่คือการกระทำของชัยฏอนหมายถึงการทะเลาะกันของชายสองคนนั้น และที่กล่าวว่าโอ้พระผู้อภิบาล ข้าฯอธรรมต่อตนเองหมายถึงว่า ข้าฯไม่ควรทำให้เรื่องบานปลาย ข้าฯไม่น่าเข้ามาในเมืองตอนนี้ส่วนที่กล่าวว่าขอทรงประทานอภัยเทอญหมายถึงขอให้พระองค์ทรงอำพรางตัวข้าฯให้พ้นจากเงื้อมมือศัตรู ทั้งนี้ก็เพราะว่าความหมายหนึ่งของฆุฟรอนคือการอำพรางหรือหลบซ่อน[vi]
ซัยยิดมุรตะฎอ อะละมุ้ลฮุดา ได้ให้ข้อคิดเห็นสองประการในหนังสือ ตันซีฮุ้ลอัมบิยาอ์ เกี่ยวกับโองการนี้ว่า
1. อธรรมในที่นี้หมายถึงการละเว้นสิ่งอันเป็นมุสตะฮับ(สิ่งที่ดีกว่า) หมายถึงควรประวิงเวลาเข้าช่วยเหลือสาวกและสำเร็จโทษชายกิบฏี การกระทำของท่านถือเป็นตัรกุลเอาลา ซึ่งจะทำให้สูญเสียผลบุญส่วนหนึ่ง จึงเป็นเหตุให้ท่านกล่าวว่าข้าฯอธรรมต่อตนเอง
2. ประโยคนี่คือการกระทำของชัยฏอนหมายถึงการกดขี่ของชายชาวกิบฏี โดยนบีมูซามิได้เจตนาจะสังหารเขา เพียงแต่ต้องการจะปกป้องชีอะฮ์(สาวก)ของท่านเท่านั้น[vii]
เชคฏูซีกล่าวไว้ในตัฟซี้รอัตติ้บยานว่าการสังหารชายชาวกิบฏีคนนั้นมิไช่เรื่องที่น่ารังเกียจ เพราะอัลลอฮ์ทรงบัญชาให้ท่านลงไม้ลงมือกับเขา แต่สมควรจะกระทำภายหลัง เนื่องจากสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย แต่เมื่อท่านลงมือทันทีจึงเป็นการตัรกุลเอาลา ท่านจึงขออภัยโทษจากพระองค์[viii]
ส่วนผู้ประพันธ์ตัฟซี้รมัจมะอุ้ลบะยานชี้แจงไว้ดังนี้การสังหารเป็นไปเพื่อช่วยเหลือผู้ศรัทธาให้พ้นจากผู้กดขี่ โดยที่ไม่ได้เจตนาจะให้ถึงตาย ฉะนั้น จึงเป็นสิ่งที่เหมาะควรและไม่น่ารังเกียจ[ix]
ในตัฟซี้รฟัตฮุ้ลก่อดี้ร กล่าวว่าท่านขออภัยโทษจากอัลลอฮ์เนื่องจากตัรกุลเอาลา และนัยยะของข้าฯอธรรมต่อตนเองหมายถึง ข้าฯอธรรมต่อตัวเองเนื่องจากฟาโรห์จะสั่งให้ทหารไล่สังหารข้าฯจากคดีนี้อย่างแน่นอน ส่วนฟัฆฟิรลีหมายถึงขอให้พระองค์ทรงอำพรางตัวข้าอย่าให้ฟาโรห์จับได้
และหากโองการที่14 ซูเราะฮ์อัชชุอะรอ เล่าคำพูดของนบีมูซาที่ว่า  لهم علی ذنب (ฉันมีตราบาปสำหรับพวกเขา) นั่นหมายถึงบาปในมุมมองของฟาโรห์และพวก มิได้หมายความว่านบีมูซาทำบาป[x]

สุดท้ายนี้ขอสรุปว่า ตราบาปมีหลายระดับขั้น บาปที่เกิดจากการฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮ์ ย่อมขัดต่อหลักอิศมะฮ์ (ภาวะไร้บาป) แต่บางครั้ง การตัรกุลเอาลาก็ถือเป็นตราบาปในมาตรฐานระดับผู้ใกล้ชิดพระองค์อย่างบรรดานบี (แต่ไม่ไช่บาปสำหรับคนธรรมดา) ซึ่งกรณีนี้ไม่ขัดต่อหลักอิศมะฮ์แต่อย่างใด เนื่องจากเป็นไปตามสุภาษิตที่ว่าความดีของคนดีเป็นได้แค่ตราบาปของผู้ใกล้ชิดพระองค์

เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาอ่าน:
ดัชนี ภาวะไร้บาปของบรรดานบีในกุรอาน,ลำดับที่ 129
ดัชนี ภาวะไร้บาปของบรรดานบีในปริทรรศน์กุรอาน,ลำดับที 112



[i] มุฟร่อด้าตรอฆิบและอัลอัยน์ ศัพท์: عصم

[ii] บทเรียนเทววิทยา,.ญะฟัร ซุบฮานี,หน้า 405

[iii] وَ دَخَلَ الْمَدینَةَ عَلى‏ حینِ غَفْلَةٍ مِنْ أَهْلِها فَوَجَدَ فیها رَجُلَیْنِ یَقْتَتِلانِ هذا مِنْ شیعَتِهِ وَ هذا مِنْ عَدُوِّهِ فَاسْتَغاثَهُ الَّذی مِنْ شیعَتِهِ عَلَى الَّذی مِنْ عَدُوِّهِ فَوَکَزَهُ مُوسى‏ فَقَضى‏ عَلَیْهِ قالَ هذا مِنْ عَمَلِ الشَّیْطانِ إِنَّهُ عَدُوٌّ مُضِلٌّ مُبینٌ (15) قالَ رَبِّ إِنِّی ظَلَمْتُ نَفْسی‏ فَاغْفِرْ لی‏ فَغَفَرَ لَهُ إِنَّهُ هُوَ الْغَفُورُ الرَّحیمُ  ซูเราะฮ์ อัลก่อศ็อศ,15,16

[iv] ตัฟซี้รเนมูเนะฮ์,.มะการิม ชีรอซี,เล่ม 16,หน้า 42. ตัฟซี้รอัลบะยาน,.มะการิม ชีรอซี,เล่ม 7-8, ตัฟซี้ร อัตติ้บยาน,เชคฏูซี,เล่ม 2,หน้า 391ตัฟซี้รอิษนาอะชะรี,เล่ม 10,หน้า 94

[v] ตัฟซี้รนูรุษษะเกาะลัยน์,เล่ม 4,หน้า 119 ตัฟซี้รอิษนาอะชะรี,เล่ม 10,หน้า 94

[vi] อุยูน อัคบาริร ริฎอ(.),หน้า 155 ,หมวดที่ 15, นูรุษษะเกาะลัยน์,เล่ม 4,หน้า 119, อัลมีซาน,เล่ม 16,หน้า 18

[vii] อ้างจากมัจมะอุ้ลบะยาน

[viii] ตัฟซี้ร อัตติ้บยาน,เล่ม 2,หน้า 291

[ix] ตัฟซี้รมัจมะอุ้ลบะยาน,ฏอบัรซี,เล่ม 7,หน้า 382

[x] ตัฟซี้รฟัตฮุ้ลก่อดี้ร,เชากานี,เล่ม 4,หน้า 164

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

คำถามสุ่ม

  • มุคตารคือ ษะกะฟีย์ ซึ่งในหัวใจมีความรักให้ท่านอบูบักร์และอุมมัรเท่านั้น? แล้วทำไมเขาจึงไม่ปกป้องท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ในกัรบะลาอฺ?
    8258 تاريخ بزرگان 2554/12/21
    รายงานเกี่ยวกับมุคตารที่ปรากฏอยู่ในตำราฮะดีซนั้นแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มกล่าวคือรายงานบางกลุ่มกล่าวสรรเสริญเขา
  • ช่วงก่อนจะสิ้นลม การกล่าวว่า “อัชฮะดุอันนะ อาลียัน วะลียุลลอฮ์” ถือเป็นวาญิบหรือไม่?
    7705 สิทธิและกฎหมาย 2555/03/18
    หนึ่งในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของชีวิตคนเราคือช่วงที่เขากำลังจะสิ้นใจ เรียกกันว่าช่วง“อิฮ์ติฎ้อร” โดยปกติแล้วคนที่กำลังอยู่ในช่วงเวลานี้จะไม่สามารถพูดคุยหรือกล่าวอะไรได้ บรรดามัรญะอ์กล่าวถึงช่วงเวลานี้ว่า “เป็นมุสตะฮับที่จะต้องช่วยให้ผู้ที่กำลังจะสิ้นใจกล่าวชะฮาดะตัยน์และยอมรับสถานะของสิบสองอิมาม(อ.) ตลอดจนหลักความเชื่อที่ถูกต้องอื่นๆ”[1] ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า “การกล่าวชะฮาดะฮ์ตัยน์และการเปล่งคำยอมรับสถานะของสิบสองอิมามถือเป็นกิจที่เหมาะสำหรับผู้ที่ใกล้จะสิ้นใจ แต่ไม่ถือเป็นวาญิบ” [1] ประมวลปัญหาศาสนาของอิมาม อัลโคมัยนี (พร้อมภาคผนวก), เล่ม 1, หน้า 312 ...
  • อัลกุรอานเป็นความมหัศจรรย์ในสามลักษณะ : ก.คำ, ข. เนื้อหา, ค.ผู้นำอัลกุรอานมาเผยแผ่ และทั้งสามลักษณะบ่งบอกว่าอัลกุรอานมาจากพระเจ้าได้เพียงมากน้อยเพียงใด ?
    7964 วิทยาการกุรอาน 2553/10/11
    คำถามนี้ไม่มีคำตอบแบบสั้น โปรดเลือกปุ่มคำตอบที่สมบูรณ์ ...
  • เพราะเหตุใดกอบีลจึงสังหารฮาบีล?
    9921 วิทยาการกุรอาน 2554/06/22
    จากโองการอัลกุรอานเข้าใจได้ว่าสาเหตุที่กอบีลได้สังหารฮาบีลเนื่องจากมีความอิจฉาริษยาหรือไฟแห่งความอิจฉาได้ลุกโชติช่วงภายในจิตใจของกอบีลและในที่สุดเขาได้สังหารฮาบีลอย่างอธรรม ...
  • เพราะเหตุใด อัลลอฮฺทรงรังเกลียดการหย่าร้างอย่างรุนแรง?
    10988 ปรัชญาของศาสนา 2555/04/07
    ถ้าหากพิจารณาสิ่งตรงข้ามกันระหว่างการหย่าร้าง กับการแต่งงาน,เพื่อค้นคว้าปรัชญาของความน่ารังเกลียดในการหย่าร้าง, อันดับแรกจำเป็นต้องกล่าวถึงความสำคัญของการแต่งงานก่อน[1] อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายขึ้นมาเป็นคู่ มนุษย์ในฐานะที่เป็นเครื่องหมายและเป็นสัญลักษณ์ของพระเจ้า อันเป็นเหตุของความสงบและความสันติ[2] รายงานฮะดีวจากบรรดาอิมามมะอฺซูม (อ.) ได้กล่าวถึงความสำคัญของการแต่งงานไว้ว่า เป็นสิ่งที่ประเสริฐยิ่ง, ซึ่งท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ได้กล่าวถึงความสำคัญของการแต่งงานว่า : ไม่มีรากฐานอันใดได้ถูกวางไว้ในอิสลาม ซึ่งเป็นทีรักและมีเกียรติยิ่ง ณ พระองค์อัลลอฮฺ เหนือไปจากการแต่งงาน”[3] หนึ่งในประโยชน์อันสำคัญยิ่งของการแต่งงานคือ การขยายและดำรงเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ชาติ, ด้วยเหตุนี้เอง การหย่าร้างคือการทำลายการแต่งงาน ทำให้ครอบครัวต้องแตกแยก เด็กๆ ที่เกิดมาสมควรได้รับการดูแลจากมืออันอบอุ่นของบิดามารดา ร่มเงาของทั้งสองสมควรที่จะถอดเบียดบังพวกเขาให้ได้รับความปลอดภัย และมีความรู้สึกว่าได้รับความอบอุ่นเสมอ การปราศจากผู้ปกป้องดูแลคือ การขาดที่พำนักพักพิง ...
  • ตักวาหมายถึงอะไร?
    17277 จริยธรรมทฤษฎี 2555/01/23
    ตักว่าคือพลังหนึ่งที่หยุดยั้งจิตด้านในซึ่งการมีอยู่ของมนุษย์คือสาเหตุของการมีพลังนั้นและพลังดังกล่าวจะพิทักษ์ปกป้องมนุษย์ให้รอดพ้นจากการกระทำความผิดฝ่าฝืนต่างๆความสมบูรณ์ของตักวานอกจากจะช่วยทำให้มนุษย์ห่างไกลจากความผิดบาปและการก่ออาชญากรรมต่างๆ
  • ต้องอ่านดุอาเป็นภาษาอรับจึงจะเห็นผลใช่หรือไม่?
    6404 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/28
    ไม่จำเป็นจะต้องอ่านดุอาตามบทภาษาอรับเพราะแม้ดุอากุนูตในนมาซก็อนุญาตให้กล่าวด้วยภาษาอื่นได้แต่อย่างไรก็ตามเป็นการสมควรอย่างยิ่งที่จะอ่านและพยายามครุ่นคิดในบทดุอาภาษาอรับที่บรรดาอิมามได้สอนไว้ทั้งนี้ก็เนื่องจากเหตุผลที่ว่า:ดังที่กุรอานคือพระวจนะของอัลลอฮ์ที่ใช้สนทนากับมนุษย์ดุอาที่บรรดาอิมาม(อ.)สอนเราไว้ก็คือบทเอื้อนเอ่ยที่มนุษย์วอนขอต่ออัลลอฮ์ดังที่ดุอาได้รับการเปรียบว่าเป็น“กุรอานที่เหิรขึ้นเบื้องบน” นั่นหมายความว่าดุอาเหล่านี้มีเนื้อหาลึกซึ้งแฝงเร้นอยู่ดังเช่นกุรอานและเนื้อหาเหล่านี้จะได้รับการตีแผ่อย่างสมบูรณ์ด้วยภาษาอรับเท่านั้นด้วยเหตุผลดังกล่าวมุสลิมจึงควรเรียนรู้ความหมายของนมาซและดุอาต่างๆเพื่อให้รู้ว่ากำลังเอ่ยขอสิ่งใดจากพระผู้เป็นเจ้าหากทำได้ดังนี้ก็จะส่งผลให้ศาสนกิจของตนอุดมไปด้วยสำนึกทางจิตวิญญาณและจะทำให้สามารถโบยบินสู่ความผาสุกอันนิรันดร์ได้.นอกเหนือปัจจัยดังกล่าวแล้วควรให้ความสำคัญกับปัจจัยอื่นๆด้วยอาทิเช่นเนื้อหาดุอาไม่ควรขัดต่อจารีตที่พระองค์วางไว้ควรศอละวาตแด่นบีและวงศ์วานเสมอผู้ดุอาจะต้องหวังพึ่งพระองค์เท่านั้นมิไช่ผู้อื่นให้บริสุทธิใจและคำนึงถึงความยากไร้ของตนปากกับใจต้องตรงกันยามดุอาเคร่งครัดในข้อบังคับและข้อห้ามทางศาสนากล่าวขอลุแก่โทษต่อพระองค์พยายามย้ำขอดุอามั่นใจและไม่สิ้นหวังในพระองค์.[1][1]มุฮัมมัดตะกีฟัลสะฟี,อธิบายดุอามะการิมุ้ลอัคล้าก,เล่ม1,หน้า ...
  • ทิฐิที่ปรากฏในกุรอานมีความหมายอย่างไร? มีสาเหตุ ผลลัพธ์ และวิธีแก้อย่างไร? คนมีทิฐิมีคุณลักษณะอย่างไร?
    11769 จริยธรรมปฏิบัติ 2555/09/20
    การถืออคตินับเป็นอุปนิสัยที่น่ารังเกียจยิ่ง เราสามารถวิเคราะห์อุปนิสัยดังกล่าวจากหลายแง่มุมด้วยกัน ทั้งนี้ก็เนื่องจากมีผลร้ายหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นผลร้ายเชิงปัจเจกหรือสังคม จิตใจและร่างกาย โลกนี้และโลกหน้า อิสลามได้ตีแผ่ถึงรากเหง้าและผลเสียของการถือทิฐิ ตลอดจนนำเสนอวิธีปรับปรุงตนเองเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้อย่างถี่ถ้วน ...
  • อัมร์ บิน อ้าศมีอุปนิสัยอย่างไรในประวัติศาสตร์?
    9854 تاريخ بزرگان 2554/08/02
    อัมร์ บิน อ้าศ บิน วาอิ้ล อัสสะฮ์มี โฉมหน้านักฉวยโอกาสที่แฝงด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ถือกำเนิดจากหญิงที่ชื่อ“นาบิเฆาะฮ์” บิดาของเขาคืออ้าศ บิน วาอิ้ล เป็นมุชริกที่เคยถากถางเยาะเย้ยท่านนบีด้วยคำว่า“อับตัร”หลังจากกอซิมบุตรของท่านนบีถึงแก่กรรมในวัยแบเบาะ ซึ่งหลังจากนั้น อัลลอฮ์ได้ประทานอายะฮ์ “ان شانئک هو الابتر” เพื่อโต้คำถากถางของอ้าศอัมร์ บิน อ้าศ เป็นที่รู้จักในเรื่องความเจ้าเล่ห์ ในสมัยที่อิมามอลี(อ.)ดำรงตำแหน่งเคาะลีฟะฮ์ เขากลายเป็นมือขวาของมุอาวิยะฮ์ในสงครามศิฟฟีนเพื่อต่อต้านท่าน และสามารถล่อลวงทหารฝ่ายอิมามเป็นจำนวนมาก ท้ายที่สุดก็ใช้เล่ห์กลหลอกอบูมูซา อัลอัชอะรี เพื่อเอื้อผลประโยชน์แก่มุอาวิยาะฮ์ ท้ายที่สุดได้รับแต่งตั้งโดยมุอาวิยะฮ์ให้เป็นผู้ปกครองเมืองอิยิปต์ ...

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    59361 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    56816 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    41639 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    38388 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    38384 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    33424 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    27517 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    27211 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    27105 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    25176 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...