การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
8009
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/12/03
 
รหัสในเว็บไซต์ fa7503 รหัสสำเนา 19415
หมวดหมู่ تاريخ بزرگان
คำถามอย่างย่อ
มะลาอิกะฮ์และญินรุดมาช่วยอิมามฮุเซน(อ.)จริงหรือไม่ และเหตุใดท่านจึงปฏิเสธ?
คำถาม
ดิฉันได้ยินผู้รู้ท่านหนึ่งเล่าว่า มีญินและมะลาอิกะฮ์จำนวนหนึ่งรุดมาช่วยเหลืออิมามฮุเซน(อ.)ที่กัรบะลา แต่อิมามปฏิเสธการช่วยเหลือ เรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนท่านอิมามจะออกสู่สนามรบไช่หรือไม่? มีแหล่งอ้างอิงใดระบุถึงเรื่องนี้? และหากเป็นเรื่องจริง เหตุใดท่านอิมามจึงปฏิเสธการช่วยเหลือดังกล่าว?
คำตอบโดยสังเขป

คำถามนี้ไม่มีคำตอบแบบสั้น ปรดเลือกปุ่มคำตอบที่สมบูรณ์

คำตอบเชิงรายละเอียด

 ตำราอ้างอิงบางเล่มรายงานฮะดีษที่ระบุว่าญินและมะลาอิกะฮ์ต่างก็เสนอตัวเพื่อช่วยเหลือท่านอิมามฮุเซน(.)
อย่างไรก็ดี พระองค์เคยส่งมะลาอิกะฮ์หรือญินมาช่วยเหลือบรรดานบี(.)ครั้งแล้วครั้งเล่า กุรอานกล่าวว่า "(จงรำลึกเถิด)เมื่อสูเจ้าวอนขอการช่วยเหลือจากพระองค์(เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดในสงครามบะดัร) และพระองค์ทรงตอบรับ (และกล่าวว่า) ข้าจะช่วยเหลือสูเจ้าด้วยมะลาอิกะฮ์พันองค์ที่ลงมาเป็นลำดับ"
เหตุผลบางประการที่ทำให้ท่านไม่อาจรับความช่วยเหลือดังกล่าวได้ก็คือ
1. ท่ามกลางวิกฤติการณ์ในยุคของท่าน การฟื้นฟูประชาชาติของท่านนบี(..) จะเกิดขึ้นได้ด้วยการพลีชีพเท่านั้น
2. ความปรารถนาจะบรรลุถึงพระองค์
3. การพลีเป็นสิ่งที่กำหนดไว้แล้ว
4. การเป็นชะฮีดคือความตายที่มีคุณค่าและงดงามยิ่งสำหรับท่าน
5. เพื่อให้ปฏิบัติภารกิจที่พระองค์มอบหมายอย่างเป็นธรรมชาติ

คำตอบเชิงรายละเอียด: 

การประทานความช่วยเหลือแก่อิมามฮุเซน(.)
ตำราอ้างอิงบางเล่มรายงานฮะดีษจากบรรดามะอ์ศูมีน โดยกล่าวถึงเหตุการณ์ที่ญินและมะลาอิกะฮ์แสดงความพร้อมที่จะช่วยเหลือท่านอิมามฮุเซน(.) เป็นต้นว่า เชคมุฟี้ด รายงานถึงอิมามศอดิกว่า ขณะที่อิมามฮุเซน(.)เดินทางออกจากมะดีนะฮ์ มีมะลาอิกะฮ์กลุ่มหนึ่ง และญินกลุ่มหนึ่งที่เป็นมุสลิมผู้สวามิภักดิ์ต่อท่าน ต่างแสดงความพร้อมที่จะช่วยเหลือท่านอิมามฮุเซน(.) แต่ท่านอิมามตอบกลุ่มเหล่านั้นว่า "ขอพระองค์ทรงตอบแทนความดีของพวกท่าน ฉันต้องรับผิดชอบภารกิจของตนเอง โดยมีการกำหนดเวลาและสถานที่ที่ฉันจะถูกสังหารไว้แล้ว" เหล่าญินกล่าวว่า "หากมิไช่เพราะท่านกำชับไว้ เราจะฆ่าศัตรูของท่านให้หมดสิ้น" ท่านอิมามตอบว่า "พวกเราสามารถกระทำการดังกล่าวได้ดีกว่าพวกท่าน แต่เราไม่เลือกที่จะกระทำ เนื่องจากต้องการให้ผู้ฉ้อฉลไม่มีข้ออ้างใดๆอีก และเพื่อให้การน้อมรับสัจธรรมเป็นไปด้วยเหตุผลและชัดเจน" [1]
นอกจากนี้ อิมามศอดิก(.)ยังกล่าวอีกว่า "ฉันเคยได้ยินพ่อเล่าว่า ขณะที่ท่านอิมามฮุเซนเผชิญหน้ากับอุมัร บิน สะอ์ด และสงครามกำลังจะเริ่มขึ้นนั้น อัลลอฮ์ได้ส่งการช่วยเหลือมายังท่านถึงขนาดที่กลายเป็นร่มเงาเหนือศีรษะของท่าน ท่านอิมามมีทางเลือกสองทางระหว่างชัยชนะเหนือศัตรูกับการบรรลุถึงพระผู้เป็นเจ้า และท่านเลือกที่จะบรรลุถึงพระองค์"[2]

ฮะดีษบางบทก็ระบุว่า มวลมะลาอิกะฮ์แสดงความพร้อมที่จะช่วยเหลืออิมามฮุเซน(.) โดยครั้งแรก พวกเขาขออนุญาตร่วมรบ แต่ท่านไม่อนุญาต เมื่อมะลาอิกะฮ์เหล่านี้กลับมาเป็นครั้งที่สองก็พบว่าท่านเป็นชะฮีดไปแล้ว ตัวอย่างฮะดีษประเภทนี้ได้แก่ฮะดีษจากอิมามศอดิก(.)ที่ว่า "มะลาอิกะฮ์สี่พันองค์ลงมาเพื่อจะร่วมรบเคียงข้างท่านอิมามฮุเซน(.) แต่ไม่ได้รับอนุญาต ต่อเมื่อลงมาอีกครั้งก็พบว่าอิมามฮุเซน(.)ถูกสังหารไปแล้ว..."[3]

สรุปคือ เรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นจริง และมีการระบุไว้ชัดเจนในฮะดีษหลายบท โดยไม่มีผู้รู้ท่านใดปฏิเสธ ทั้งนี้ก็เนื่องจากมิได้ขัดต่อคำสอนหรือหลักศรัทธาข้อใดในอิสลาม อย่างไรก็ดี การที่พระองค์จะช่วยเหลือผ่านมะลาอิกะฮ์หรือกลุ่มญินนั้น เคยเกิดขึ้นในยุคของนบีท่านก่อนๆมาแล้ว กุรอานกล่าวว่า "(จงรำลึกเถิด)เมื่อสูเจ้าวอนขอการช่วยเหลือจากพระองค์ (เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดในสงครามบะดัร) และพระองค์ทรงตอบรับ (และกล่าวว่า) ข้าจะช่วยเหลือสูเจ้าด้วยมะลาอิกะฮ์พันองค์ที่ลงมาเป็นลำดับ"[4] และดังกรณีการช่วยเหลือที่มุสลิมได้รับในสงครามอะห์ซาบ แต่บางกรณี การช่วยเหลือประเภทดังกล่าวก็ไม่เกิดขึ้นเนื่องจากความเหมาะสมบางประการ

เหตุใดท่านอิมามฮุเซน(.)จึงปฏิเสธการช่วยเหลือดังกล่าว?
สันนิษฐานว่าท่านอิมามฮุเซน(.)ไม่ยอมรับการช่วยเหลือดังกล่าวด้วยเหตุผลต่อไปนี้
1. เมื่อพิจารณาถึงสภาวะทางการเมืองในยุคของมุอาวิยะฮ์และยะซีด ซึ่งมีการกระทำผิดหลักศาสนาภายใต้หน้ากากของผู้พิทักษ์ศาสนา ทำให้ยากแก่การแยกแยะความถูกต้องออกจากการบิดเบือน หนทางเดียวที่จะสามารถฟื้นฟูศาสนาของอัลลอฮ์ได้ก็คือ การพลีชีวิตของอิมามฮุเซน(.) และญาติมิตรเท่านั้น[5]
2.
ฮะดีษหลายบทบ่งบอกว่าท่านอิมามฮุเซน(.)ได้รับการลิขิตให้เป็นชะฮีด เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายในการฟื้นฟูประชาชาติของท่านนบี(..)[6]ให้เป็นผลสำเร็จ
3.
อิมามฮุเซน(.)ถือว่าการเป็นชะฮีดคือการสิ้นชีพที่งดงามที่สุด สังเกตุได้จากคุตบะฮ์ของท่านขณะเดินทางจากมักกะฮ์สู่แผ่นดินอิรักที่ว่า "ความตายมีความงดงามสำหรับเผ่าพันธุ์นบีอาดัมเสมือนสร้อยที่ประดับประดาต้นคอหญิงสาว"[7] กล่าวคือ ความตายไม่ไช่สิ่งน่าเกลียดน่ากลัว แต่เป็นเครื่องประดับเสมือนสร้อยคอ แน่นอนว่าคนเราย่อมเลือกความตายในหนทางของอัลลอฮ์มาประดับประดาตนเอง สำหรับอิมามฮุเซน(.)แล้ว ความตายลักษณะนี้มีรสหอมหวานดุจน้ำผึ้ง[8] การเป็นชะฮีดมิไช่ภยันตราย ที่จะต้องร้องขอให้มะลาอิกะฮ์ช่วยให้พ้นภัยพาน ทว่าเป็นความสมบูรณ์ ดังกรณีของนบีอิบรอฮีม(.)ที่ถือว่าการเป็นชะฮีดคือความสมบูรณ์ ทำให้ไม่กลัวกองเพลิงและไม่ยอมขอความช่วยเหลือจากญิบรออีล เพราะท่านรำลึกถึงพระองค์ตลอดเวลา[9]
4.
การบรรลุถึงพระเจ้าและโอกาสที่จะได้พบบรรดานบีเป็นสิ่งที่ท่านอิมามฮุเซน(.)ปรารถนายิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ยุคนั้น ดังที่ท่านกล่าวในคุตบะฮ์ที่มักกะฮ์ว่า "ความปรารถนาจะได้พบบรรพบุรุษของฉัน เสมือนความปรารถนาของนบียะอ์กู้บที่อยากพบนบียูซุฟ"[10]
5. อิมามฮุเซน(.)ไม่ประสงค์ที่จะใช้อภินิหาร ทั้งที่ท่านสามารถจะกำราบศัตรูได้ด้วยมุอ์ญิซาตหรืออภินิหารที่พระองค์ประทานให้ โดยไม่จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจากมวลมะลาอิกะฮ์หรือเหล่าญินเลยแม้แต่น้อย แต่การใช้อภินิหารย่อมขัดต่อวิถีของปุถุชนทั่วไปที่ท่านอิมามยึดถือ เกียรติยศที่ท่านอิมามฮุเซน(.) มีในสายตาของมวลมุสลิมและเหล่าผู้เรียกร้องเสรีภาพทั่วไป ล้วนได้มาจากการที่ท่านต่อสู้ด้วยวิธีปกติ
การที่ท่านเดินทางพร้อมด้วยเครือญาติ เพื่อไปเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีกำลังพลมากกว่าหลายเท่า การที่เครือญาติของท่านตกเป็นเชลยศึกและถูกหมิ่นศักดิ์ศรีต่างๆนานา เหล่านี้เป็นเหตุให้การต่อสู้ของท่านเป็นอมตะ 



[1] อัลลามะฮ์มัจลิซี, บิฮารุลอันว้าร, เล่ม 44,หน้า 330, สถาบันอัลวะฟาอ์, เบรุต เลบานอน

[2] ซัยยิด อิบนิ ฏอวู้ส, ลุฮู้ฟ, หน้า 141, แปล: มีร อบูฏอลิบี และซัยยิด อบุลฮะซัน, สำนักพิมพ์ ดะลีเลมอ, กุม, พิมพ์ครั้งแรก

[3] เชคศ่อดู้ก, อะมาลี, แปล: มุฮัมมัด บากิร โคมเระอี, หน้า 638, อิสลามียะฮ์, เตหราน ... ยังมีฮะดีษที่คล้ายกันนี้ในกาฟีย์ด้วย, อัลกาฟีย์, เล่ม 1,หน้า 283,284

[4] อัลอันฟ้าล, 9

[5] ดู: มุฮัมมัดตะกี มิศบาห์ ยัซดี, สายฟ้าจากท้องฟ้ากัรบะลา, จากหน้า 44-66, สำนักพิมพ์สถาบันศึกษาและวิจัย อิมามโคมัยนี

[6] บิฮารุลอันว้าร,เล่ม 44,หน้า 329

[7] อ้างแล้ว,เล่ม 44,หน้า 366 และ มุฮัดดิษ อัรดะบีลี, กัชฟุ้ลฆุมมะฮ์ ฟี มะอ์ริฟะติลอะอิมมะฮ์,เล่ม 2,หน้า 29 และ ลุฮู้ฟ,หน้า 110,111

[8] ดู: .อับดุลลอฮ์ ญะวาดี ออโมลี, ความเจริญของปัญญาด้วยแสงแห่งการต่อสู้ของอิมามฮุเซน,หน้า 28-30

[9] อ้างแล้ว,หน้า 27

[10] บิฮารุลอันว้าร,เล่ม 44,หน้า 366 และ กัชฟุลฆุมมะฮ์ ฟี มะอ์ริฟะติลอะอิมมะฮ์,เล่ม 2,หน้า 29 และ ลุฮุ้ฟ,หน้า 110,111

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

คำถามสุ่ม

  • ภารกิจของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (อ.) หลังจากปรากฏกายแล้วคืออะไร? แล้วเป็นไปได้ไหมที่ท่านจะถูกทำชะฮาดัตโดยน้ำมือของสตรีชราที่มีนวดเครา?
    5991 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/04/21
    ในเวลานั้นท่านอิมามมะฮฺดียฺ (อ.) จะได้รับอนุญาตจากอัลลอฮฺให้จัดตั้งทั้งด้านวัตถุปัจจัยและด้านคุณธรรมมโนธรรมเพื่อจะได้จัดตั้งรัฐบาลแห่งความยุติธรรมขึ้นมาปกครองโลกซึ่งถือว่าเป็นรัฐบาลที่ใหญ่ที่สุดบนโลกนี้ ท่านจะเป็นผู้สนับสนุนส่งเสริมเกียรติและคุณค่าของความเป็นมนุษย์พร้อมกับเรียกร้องไปสู่ความปลอดภัยชีวิตมนุษย์จะกลายเป็นชีวิตแห่งพระเจ้าในเวลานั้นท่านอิมามมะฮฺดียฺ (อ.)
  • มนุษย์นั้นมีสิทธิที่จะพูดจาจาบจ้วงพี่น้องในศาสนาของตนได้ไหม – เนื่องจากการทะเลาะวิวาทหรือความขัดแย้งระหว่างพวกเขา- อันเป็นสาเหตุของการกลั่นแกล้งและทำให้การโกรธเกลียดกัน, ทั้งๆ ที่เขาได้กล่าวขออภัยแล้ว?
    5816 จริยธรรมทฤษฎี 2554/12/20
    การอภัยและการยกโทษเป็นคุณสมบัติพิเศษของบุรุษผู้มีความยิ่งใหญ่และยังเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่แห่งจิตวิญญาณของเขาอีกด้วย, ตามคำสอนของอิสลามคุณลักษณะเหล่านี้ถือว่าเป็นความประเสริฐด้านคุณธรรมและจริยธรรม, ศาสนาซึ่งท่านศาสดาประจำศาสนาได้ถูกคัดเลือกขึ้นมาเพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์และความประเสริฐของจริยธรรม
  • บุคคลย้ำคิดย้ำทำที่ได้รับการอนุโลม ถามว่าได้รับการอนุโลมข้อสงสัยทุกประเภทหรือไม่?
    10054 สิทธิและกฎหมาย 2555/02/18
    ตามหลัก “لاشکّلکثیرالشک”แล้ว ผู้ที่ชอบย้ำคิดย้ำทำ(ช่างสงสัย) ไม่ควรให้ความสำคัญแก่การสงสัยของตน อุละมาส่วนใหญ่เชื่อว่าหลักการนี้มิได้จำกัดเฉพาะกรณีการนมาซเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอะมั้ลที่กระทำก่อนนมาซ อาทิเช่น การอาบน้ำนมาซ, ฆุสุลและตะยัมมุม, อีกทั้งรวมไปถึงชุดอิบาดะฮ์อย่างเช่นการทำฮัจย์ และครอบคลุมถึงการทำธุรกรรม และประเด็นความศรัทธาด้วย อุละมายกหลักฐานสนับสนุนทัศนะของตนอันได้แก่ หลักการ لا
  • มีการกล่าวถึงรายชื่อบุคคลทั้งห้าในคัมภีร์เตารอตและคัมภีร์อินญีลหรือไม่?
    5552 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/12/11
    ดังที่ฮะดีษบางบทกล่าวไว้ว่ารายชื่อของบุคคลทั้งห้าผู้เป็นชาวผ้าคลุม (อ.) อันประกอบด้วยท่านศาสดา (ซ.ล.), อิมามอลี (อ.), ท่านหญิงฟาติมะฮ์ (ซ.), อิมามฮะซัน (อ.), อิมามฮุเซน (อ.) มีการกล่าวถึงในคัมภีร์เตารอตและคัมภีร์อินญีลซึ่งในการถกระหว่างอิมามริฏอ (อ.) กับบาทหลวงคริสต์และแร็บไบยิวได้มีกล่าวถึงประเด็นดังกล่าวด้วย ...
  • ทำอย่างไรมนุษย์จึงจะกลายเป็นที่รักยิ่งของอัลลอฮฺ?
    5274 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/21
    คำว่า “มุฮิบบัต” มาจากรากศัพท์คำว่า “ฮุบ” หมายถึงมิตรภาพความรัก. ความรักของอัลลอฮฺ (ซบ.) ที่มีต่อปวงบ่าวข้าทาสบริพารมิได้มีความเข้าใจเหมือนกับความรักสามัญทั่วไป, เนื่องจากความสิ่งจำเป็นของความรักในความหมายของสามัญคือปฏิกิริยาแสดงออกของจิตใจและอารมณ์ซึ่งอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงบริสุทธิ์จากสิ่งเหล่านี้, ทว่าความรักที่อัลลอฮฺทรงมีต่อปวงบ่าว,
  • ในวันอีดกุรบาน สามารถจะเชือดสัตว์กุรบานที่เขาหักได้หรือไม่?
    7230 สิทธิและกฎหมาย 2555/03/04
    หากกุรบานในที่นี้หมายถึงการเชือดกุรบานในพิธีฮัจย์ที่ต้องกระทำในวันอีดกุรบาน ณ แผ่นดินมินา อุละมาส่วนใหญ่ให้ทัศนะไว้ว่า หากสัตว์ที่จะนำมาเชือดกุรบานมีเขาแต่เดิมอยู่ ทว่าปัจจุบันไม่มี หรือหักไป สามารถนำมาเชือดกุรบานได้[1] เว้นแต่ว่าเขาภายในหักหรือถูกตัดไป ในกรณีนี้จะทำให้กุรบานไม่ถูกต้อง แต่หากเขาภายนอกหักถือว่าไม่เป็นไร[2] ส่วนการเชือดกุรบานนอกพิธีฮัจย์ที่เหนียตกระทำเพื่อผลบุญในเชิงมุสตะฮับนั้น หากจะเชือดสัตว์ที่เขาหักก็ไม่มีปัญหาใดๆ อย่างไรก็ดี เราได้สอบถามปัญหานี้จากสำนักงานของมัรญะอ์ตักลี้ดท่านต่างๆได้ความดังนี้ อายะตุลลอฮ์คอเมเนอี,ซีสตานี, มะการิมชีรอซี : ไม่มีปัญหาใดๆ อายะตุลลอฮ์ศอฟี โฆลพอยฆอนี: สามารถกระทำได้ อินชาอัลลอฮ์ ขอพระองค์ทรงตอบรับ คำถามนี้ไม่มีคำตอบเชิงรายละเอียด [1] ผู้ที่มีทัศนะเช่นนี้ได้แก่ อายะตุลลอฮ์.. ...
  • ชีวิตและจิตวิญญาณต้องนอนหลับหรือตายด้วยหรือไม่ ?
    6341 เทววิทยาดั้งเดิม 2553/12/22
    ปัญหาเรื่องจิตวิญญาณและแก่นแท้ของมันเป็นปัญหาที่พิพาทถกเถียงกันมาตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันซึ่งจัดได้ว่าเป็นปัญหาที่มีความสำคัญอย่างยิ่งคำถามข้างต้นก็ได้ก็เป็นผลพวงและแหล่งที่มาจากคำถามนี้เองที่ว่าแก่นแท้ของมนุษย์ก็คือ กายภาพอันเป็นวัตถุตามลักษณะที่ปรากฏกระนั้นหรือหรือว่าเบื้องหลังของมันยังมีสิ่งอื่นที่ซ่อนเร้นอยู่อีกซึ่งตาเนื้อธรรมดาไม่อาจมองเห็นได้ซึ่งอยู่นอกเหนือคุณสมบัติของวัตถุและมีลักษณะศักดิ์สิทธิ์และถ้าเป็นเช่นนั้นจริงสิ่งนั่นเป็นวัตถุหรือนามธรรมที่ไร้สถานะและชะตากรรมของสิ่งนั้นภายหลังจากการตายของร่างกายจะเป็นอย่างไร?คำตอบสำหรับคำถามข้างต้นนี้สามารถอธิบายในเชิงของทฤษฎีบท,ในลักษณะที่เป็นเชิงตรรกะเพื่อจะได้ไปถึงยังบทสรุป
  • สตรีในทัศนะอิสลามมีสถานภาพสูงส่งเพียงใด ?พวกเธอมีสิทธิเท่าเทียมกับผู้ชายหรือ?
    12327 ปรัชญาของศาสนา 2554/10/22
    ในทัศนะอิสลาม, สตรีและบุรุษนั้นมีเป้าหมายร่วมกันนั่นคือ – การพัฒนาตนไปให้ถึงยังสถานอันสูงสุดของความเป็นมนุษย์ – และการไปถึงเป้าหมายดังกล่าว ทั้งสองจึงมีมาตรฐานอันเดียวกัน ซึ่งความต่างเรื่องเพศอันเป็นความจำเป็นของการสร้าง แทบจะไม่มีบทบาทอันใดทั้งสิ้นในการสร้าง หรือเพิ่มเติมศักยภาพและความสามารถดังกล่าวนั้น หรือคุณค่าในทางศาสนาเองก็มิได้มีบทบาทอันใดเช่นกัน ดังนั้น ความสมบูรณ์ของสตรีจึงมิได้อยู่ในฐานะภาพเดียวกันกับความสมบูรณ์ของบุรุษ หรือใช่ว่าบุรุษจะใช้ความเป็นเพศชาย มาควบคุมความเป็นสตรีก็หาไม่ดังนั้น ในทัศนะของอิสลาม :1.สตรี, จึงเป็นสถานที่ปรากฏความสวยงาม ความประณีต และความเงียบสงบ2.สตรี, คือที่มาแห่งความสงบมั่นของบุรุษ, ส่วนบุรุษนั่นเป็นสถานพำนักพักพิง ให้ความรับผิดชอบ และการเป็นผู้นำของสตรี
  • ในทัศนะของอิสลาม ชาวฮินดูถือว่าเป็นนะญิสหรือไม่ และจะต้องออกห่างพวกเขาหรือไม่?
    7308 สิทธิและกฎหมาย 2554/08/17
    บรรดามัรญะอ์ได้ฟัตวาว่ากาฟิรเป็นนะญิสและจะต้องหลีกเลี่ยงความเปียกชื้นจากพวกเขาท่านอิมามโคมัยนีได้กล่าวเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่า “กาฟิรคือผู้ที่ไม่เชื่อในพระผู้เป็นเจ้าหรือตั้งภาคีต่อพระเจ้าหรือไม่ยอมรับในการเป็นศาสนทูตของท่านศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ) เขาผู้นั้นถือเป็นนะญิส

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    59385 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    56837 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    41665 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    38415 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    38414 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    33444 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    27537 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    27231 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    27126 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    25202 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...