การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
6345
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/12/21
 
รหัสในเว็บไซต์ fa14355 รหัสสำเนา 19933
คำถามอย่างย่อ
ความสำคัญและความพิเศษ และคำวิจารณ์หนังสือบิฮารุลอันวาร?
คำถาม
ความสำคัญ ความพิเศษ และคำวิจารณ์หนังสือบิฮารุลอันวาร?
คำตอบโดยสังเขป

กลุ่มฮะดีซจากหนังสือ บิฮารุลอันวาร,ถือได้ว่าเป็นผลงานที่สำคัญที่สุดของอัลลามะฮฺมัจญิลิซซียฺ, หรืออาจกล่าวได้ว่าหนังสือเล่มนี้เป็น ดาอิเราะตุลมะอาริฟ ฉบับใหญ่ของชีอะฮฺ ซึ่งได้รวบรวมเอาปัญหาศาสนาเกือบทั้งหมด,เช่น ตัฟซีรกุรอาน, ประวัติศาสตร์, ฟิกฮฺ, เทววิทยา, และปัญหาอื่นๆ อีก

บางส่วนที่สำคัญที่สุดและเป็นความพิเศษของหนังสือ บิฮารุลอันวาร คือ :

เริ่มต้นบทใหม่ทุกบทจะกล่าวถึงโองการอัลกุรอาน มีความครอบคลุมเหนือหัวข้อต่างๆ, กล่าวถึงสาส์นต่างๆ อันเป็นเอกเทศในกลุ่มฮะดีซ, ใช้ประโยชน์ทั้งจากแหล่งที่หาง่าย และต้นฉบับที่ปรับปรุงแก้ไขแช้ว,อธิบายฮะดีซต่างๆ

แน่นอน ทั้งหมดเหล่านี้มิได้หมายความว่า รายงานทั้งหมดที่มีอยู่ในตำราเล่มนี้,จะได้รับการยอมรับทั้งหมด หรือมิต้องมีการตรวจสอบสายรายงานและเนื้อหาสาระอีกต่อไป

คำตอบเชิงรายละเอียด

หนังสือบิฮารุลอันวาร อัลญามิอะฮฺ ลิดุรเราะริ อัคบาร อัลอะอิมตุลอัฏฮาร, หมายถึงทะเลแห่งรัศมี,ที่ได้เลือกสรรฮะดีซของอะอิมมะฮฺผู้บริสุทธิ์.

หนังสือฮะดีซชุดนี้อาจกล่าวได้ว่า เป็นหนังสือชุดที่สำคัญที่สุดจากบรรดาผลงานทั้งหลายของ อัลลามะฮฺ มุฮัมมัด บากิร มัจญิลิซซียฺ และยังถือว่าเป็นแหล่งอ้างอิงฮะดีซที่ยิ่งใหญ่ของชีอะฮฺอีกด้วย ซึ่งได้รวบรวมเอาปัญหาส่วนใหญ่ของศาสนาเอาไว้ เช่น ตัฟซีรกุรอาน,ประวัติศาสตร์, ฟิกฮฺ, เทววิทยา, และอื่นๆ อีกมากมาย

) ความพิเศษต่างๆ

บางส่วนที่เป็นความพิเศษที่สำคัญที่สุดของหนังสือ บิฮารุลอันวาร คือ :

1.จัดวางอย่างมีระบบ : ตำราฮะดีซชุดนี้ถือได้ว่าเป็นแก่นอันมั่นคง ลุ่มลึก และครอบคลุมฮะดีซส่วนใหญ่ของชีอะฮฺ ซึ่งรายงานหนังสือฮะดีซต่างๆ ได้ถูกจัดไว้อย่างสมบูรณ์และเป็นระบบที่สุด

2. ทุกหมวดหมู่จะเริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงโองการอัลกุรอาน : อัลลามะฮฺมัจญฺลิซซียฺ ได้นำเอาโองการที่เหมาะสมกับหมวดหมู่และหัวข้อ มากล่าวเอาไว้ตอนเริ่มต้นหมวด หลังจากนั้น ถ้าโองการต้องอาศัยการอรรถาธิบาย, ท่านจะนำเอาทัศนะของนักตัฟซีรมากล่าวไว้ด้วย หลังจากนั้นจึงกล่าวเสนอรายงานฮะดีซประจำหมวด

3. ความครอบคลุมของหนังสือบิฮารุลอันวารที่มีต่อหัวข้อต่างๆ : การวิเคราะห์หัวข้อต่างๆ และรายงานที่ปรากฏอยู่ในหนังบิฮาร นั้นแสดงให้เห็นว่า หนังสือชุดนี้ได้ครอบคลุมปัญหาต่างๆ ของศาสนาเอาไว้ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าไม่มีหัวข้อใดในอิสลาม (ในยุคสมัยของท่าน) ที่มิได้ถูกกล่าวถึงไว้ ท่านอัลลามะฮฺ ได้กล่าวถึงประเด็นเหล่านั้นพร้อมกับรวบรวมรายงานฮะดีซกำกับไว้ด้วย

4.มีการกล่าวสาส์นต่างๆ อันเป็นเอกเทศไว้ในหนังสือ บิฮารุลอันวาร : ท่านอัลลามะฮฺ มัจญฺลิซซียฺ ขณะที่กล่าววิภาษต่างๆ แล้ว ในตำราชุดนี้บางครั้งถ้าได้เผชิญกับหนังสือ หรือสาส์น และเนื่องจากท่านอัลลามะฮฺ ให้ความสำคัญต่อสาส์นเหล่านั้น และสาส์นก็มีความสัมพันธ์กับหัวข้อที่ หนังสือบิฮาร กำลังวิภาษถึง ท่านจะนำเอาสาส์นนั้นกล่าวไว้ในหมวดเฉพาะโดยสมบูรณ์ เช่น, สาส์นของท่านอิมามฮาดี (.) ที่ได้ตอบข้อสงสัยเรื่อง การบังคับและการปล่อยวาง, หรือริซาละตุลฮุกูกของท่านอิมามซัจญาด (.) , เตาฮีด มุฟัฎฎอล, และ ...

5.ใช้ประโยชน์จากแหล่งอ้างอิงที่พบน้อยและต้นฉบับที่ได้รับการแก้ไขแล้ว : หนึ่งในคุณค่าของหนังสือบิฮารุลอันวารคือ ท่านอัลลามะฮฺมีหนังสืออยู่ในครอบครองจำนวนมากมาย ซึ่งบางเล่มสูญหายไปแล้วและมิได้ตกทอดมาถึงมือเรา, ด้วยเหตุนี้เอง, อัลลามะฮฺจึงได้รวบรวมรายงานของหนังสือเล่มนี้ด้วยศักยภาพมากมายที่อยู่ในมือท่าน, ท่านได้นำเอารายงานเหล่านั้นมาจากหนังสือที่ดีและเชื่อถือได้มากที่สุด แน่นอน ถ้าท่านไม่รวบรวมเอารายงานเหล่านั้นเอาไว้ ป่านฉะนี้เราคงไม่มีรายงานใดๆ เอาไว้อ้างอิงอีกต่อไป

6.อธิบายฮะดีซต่างๆ : ท่านอัลลามะฮฺได้อธิบายคำศัพท์ใหม่ๆ และยาก ซึ่งโอกาสน้อยที่จะพบเจอคำศัพท์เหล่านั้น พร้อมกับอธิบายตัวบทฮะดีซเอาไว้หลังจากได้บันทึกแล้ว, ท่านอัลลามะฮฺได้ใช้ประโยชน์ จากแหล่งอ้างอิงความหมายของคำศัพท์, หนังสือฟิกฮฺ, ตัพซีร, เทววิทยา, ประวัติศาสตร์, จริยศาสตร์, และอื่นๆ อีก เพื่ออธิบายรายงานเหล่านั้น ซึ่งคำอธิบายฮะดีซเหล่านั้นเองถือว่าเป็น ความพิเศษอันเฉพาะสำหรับมุอฺญิมฮะดีซชุดนี้.

7.การรายงานสายสืบและตำราอ้างอิงในทุกๆ หมวดหมู่ : อีกหนึ่งในความพิเศษของหนังสือบิฮารุลอันวารคือ ท่านอัลลามะฮฺ จะรวบรวมฮะดีซที่เกี่ยวข้องกันในแต่ละหัวข้อเอาไว้เป็นจำนวนมาก, เพื่อเป็นประโยชน์และง่ายต่อการค้นคว้าของนักค้นคว้าทั้งหลาย อีกทั้งนักค้นคว้ายังสามารถจำแนกแยกแยะได้ทันทีว่ารายงานฮะดีซที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนั้น มีความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับใด[1]

8.ที่อยู่ของแหล่งอ้างอิงต่างๆ ของรายงานฮะดีซได้ถูกกล่าวซ้ำ : อัลลามะฮฺ มัจญฺลิซซียฺ,จะกล่าวถึงรายฮะดีซที่ซ้ำกัน โดยจะให้ที่อยู่ของแหล่งอ้างถึงแหล่งเดียวกัน หรือจากหลายแหล่งอ้างอิงเอาไว้ นอกจากนั้นยังได้กล่าวถึงสายรายงานต่างๆ หรือเนื้อหาของรายงานที่คล้ายเหมือนกันไว้ในหนังสือต่างๆ อีกด้วย

) คำวิจารณ์

หนึ่งในเป้าหมายสำคัญที่สุดของอัลลามะฮฺมัจญฺลิซคือ การรวบรวมรายงานต่างๆ เอาไว้เพื่อป้องกันมิให้มีการสูญหายไปจากมือ, และเพื่อให้วิธีการนี้เป็นสื่อสำหรับการสืบทอดมรดกทางฮะดีซของฝ่ายชีอะฮฺ ไปสู่อนุชนรุ่นต่อๆ ไป, และเป็นธรรมชาติที่ว่าภารกิจอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ ย่อมมีข้อบกพร่องหรือจุดที่อ่อนแออยู่ด้วย และแน่นอน ผลงานชิ้นนี้นอกจากจะเป็นผลงานของมนุษย์แล้ว ก็ยังเหมือนกับการงานอื่นๆ ของมนุษย์ที่ว่ายังมีข้อผิดพลาดอยู่, ซึ่งบรรดานักปราชญ์และผู้อาวุโสทางศาสนาของเราทุกคนก็ไม่เคยกล่าวอ้างเลยว่า ผลงานของท่านไม่มีข้อบกพร่องหรือไม่มีความผิดพลาดแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม, นักปราชญ์บางคนก็ถือว่าการมีรายงานที่อ่อนแอและเชื่อถือไม่ได้, ความไม่เพียงพอ หรือความผิดพลาดบางประการในการอธิบายความหมายของอัลลามะฮฺ คือจุดอ่อนและเป็นข้อบกพร่องของหนังสือชุดนี้ พวกเขาเชื่อว่าคำอธิบายต่างๆ ที่อัลลามะฮฺได้เขียนขึ้นเพื่ออธิบายความฮะดีซ ได้ถูกเขียนขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งการกระทำเช่นนี้เองกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ลดคุณค่าของหนังสือชุดนี้ และเป็นสาเหตุก่อให้เกิดความผิดพลาดขึ้น[2]

การกล่าวรายงานซ้ำในหนังสือชุดนี้ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่บ่งบอกถึงความอ่อนแอของหนังสือบิฮาร, แน่นอน ด้วยการพิจารณาเนื้อความและประโยคของอัลลามะฮฺ สามารถเข้าใจได้ทันที่ว่า ท่านมีเจตนาในการกล่าวซ้ำ แต่มีปัจจัยต่างๆ อีก เนื่องจากความขัดแย้งที่มีอยู่ในสายรายงานและเนื้อความของฮะดีซ หรือความสัมพันธ์ของฮะดีซบทหนึ่งกับหนึ่งหรือสองหัวข้อที่แตกต่างกัน เหล่านี้ก็กลายเป็นสาเหตุของการกล่าวซ้ำด้วยเช่นกัน

กล่าวกันว่าบางครั้งก็มีความจำเป็นต้องกล่าวซ้ำ เพื่อเป็นระเบียบในการจัดหัวข้อของฮะดีซ ดังเช่นที่กล่าวไปแล้วว่า อัลลามะฮฺมัจญฺลิซ ได้จัดรวบรวมฮะดีซไว้อย่างมีระบบ ท่านได้จัดแบ่งหมวดหมู่ฮะดีซของเป็นหัวข้อต่างๆ จากจุดนี้เองจึงทำให้บางรายงานมีการบันทึกซ้ำเอาไว้ ดังนั้น ผู้เขียนต้องการหลีกเลี่ยงการกล่าวซ้ำ บางครั้งก็ตัดรายงานออกไป และจะกล่าวไว้ในหมวดที่เกี่ยวข้องและมีความเหมาะสมกัน หรือบางครั้งก็บันทึกรายงานไว้เต็มรูปแบบสำหรับทุกหัวข้อที่กล่าวซ้ำ สิ่งนี้ทำให้หนังสือชุดนี้มีความหนามากมายหลายเล่ม สร้างความยากลำบากแก่ผู้ค้นคว้าทั้งหลาย

ท่านอัลลามะฮฺมัจญิลิซซียฺ ทราบเป็นอย่างดีว่าถ้าหากตัดทอนรายงานฮะดีซบางบท จะทำให้สัญลักษณ์สูญหายไป ดังนั้น เมื่อมีการตัดทอนฮะดีซสัญลักษณ์ต่างๆ ย่อมสูญหายไปแน่นอน ด้วยเหตุนี้เอง ท่านอัลลามะฮฺบางครั้งได้รวบรวมฮะดีซไว้ในที่เดียวกัน หรือบางครั้งในหมวดอื่นได้อ้างเฉพาะบางส่วนของรายงานที่เหมาะสมกับหัวข้อเท่านั้น ซึ่งการกล่าวเฉพาะจุดนั้น ทำให้ฮะดีซในหมวดหมู่นั้นถูกกล่าวถึงทั้งหมด ซึ่งเท่ากับเป็นการขจัดปัญหาเรื่องการสูญหายของสัญลักษณ์



[1] ซีดี ญามิอุลอะฮาดีซ, ผลิตโดยศูนย์คอมพิวเตอร์วิชาการอิสลาม (นูร) , วิทยาลัยความรู้เกี่ยวกับฮะดีซ, ดานิชฮะดีซ, หน้า 250-251, พิมพ์โดยสำนักพิมพ์ ญะมาล, กุม, พิมพ์ครั้งแรก, ปี 1389.

[2] อะมีน,ซัยยิด มุฮฺซิน, อิอฺยานุลชีอะฮฺ, เล่ม 9, หน้า 183,ดารุตตะอารุฟ ลิลมัฏบูอาต, เบรูต, หน้า 1406.

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • ฮะดีษที่ว่า “วันที่มุสลิมจะจำแนกเป็น 73 จำพวกจะมาถึง” เชื่อถือได้หรือไม่?
    11854 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2555/01/19
    ฮะดีษชุด“การแตกแยกของอุมมะฮ์”มีบันทึกในตำราฝ่ายชีอะฮ์และซุนหนี่ตามสายรายงานที่หลากหลายเนื้อหาของฮะดีษเหล่านี้ล้วนระบุถึงการที่มุสลิมจำแนกเป็นกลุ่มก้อนภายหลังท่านนบี(ซ.ล.) ซึ่งถือเป็นเอกฉันท์ในแง่ความหมายส่วนในแง่สายรายงานก็มีฮะดีษที่เศาะฮี้ห์และสายรายงานเลิศอย่างน้อยหนึ่งบท ...
  • การยกภูเขาฏู้รขึ้นเหนือศีรษะบนีอิสรออีลหมายความว่าอย่างไร?
    6030 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/04/02
    ในหลายโองการมีสำนวน وَ رَفَعْنا فَوْقَكُمُ الطُّور ปรากฏอยู่ ซึ่งล้วนเกี่ยวกับบนีอิสรออีลทั้งสิ้น ตำราอรรถาธิบายกุรอานอธิบายว่าโองการเหล่านี้กล่าวถึงเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นเนื่องจากความดื้อรั้นของบนีอิสรออีลในยุคของท่านนบีมูซา(อ.) อัลลอฮ์ย่อมมีพลานุภาพที่จะยกภูเขาฏู้รบางส่วนให้ลอยขึ้นเหนือศีรษะของบนีอิสรออีล ดังที่ทรงเคยสร้างดวงดาวนับล้านๆดวง สร้างจักรภพและจักรวาลให้เคลื่อนที่ในอวกาศโดยมีระยะห่างที่เหมาะสม การที่จะเกิดเหตุการณ์ดังที่กุรอานเล่าไว้จึงไม่ไช่เรื่องเหลือเชื่อในแง่วิทยาศาสตร์และสติปัญญา ...
  • อิสลามมีกฏเกณฑ์อย่างไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มสาว?
    20796 สิทธิและกฎหมาย 2554/08/09
    อิสลามถือว่าอัลลอฮ์ทรงสร้างชายและหญิงให้มีบทบาทเกื้อกูลกันและกันหนึ่งในปัจจัยที่ทั้งสองเพศต้องพึ่งพากันและกันก็คือความต้องการทางเพศทว่าการบำบัดความต้องการดังกล่าวจะต้องอยู่ในเขตคำสอนของอิสลามเท่านั้นจึงจะสามารถรักษาศีลธรรมจรรยาของทั้งสองฝ่ายได้อิสลามถือว่าความสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มสาวก่อนแต่งงานไม่ว่าโดยตรงหรือผ่านสื่อหากเป็นไปด้วยความไคร่หรือเกรงว่าจะเกิดความไคร่ถือว่าไม่อนุมัติแต่สำหรับความสัมพันธ์ในการทำงานวิชาการและการศึกษาถือเป็นที่อนุมัติเฉพาะในกรณีที่ไม่โน้มนำไปสู่ความเสื่อมเสีย ...
  • ใบหน้าของอิมามมะฮ์ดี(อ.)จะเปลี่ยนไปตามกาลเวลาหรือไม่?
    13159 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/11/20
    ท่านอิมามมะฮ์ดี(อ.)ถือกำเนิดในปีฮ.ศ.255 หากเทียบกับปีนี้ซึ่งเป็นปีฮ.ศ.1432 ก็จะทราบว่าอายุของท่านเมื่อถึงวันที่15 ชะอ์บานในปีนี้ก็คือ 1177  ปี ท่านอิมามมะฮ์ดี(อ.)ได้เผยกายเพื่อทำพิธีนมาซมัยยิตให้บิดาหลังจากที่ถูกวางยาพิษ ผู้คนต่างได้ยลโฉมท่านอิมามมะฮ์ดี(อ.)โดยสาธยายว่าท่านเป็นเด็กหนุ่มที่มีผิวสีน้ำผึ้ง มีผมหยักโศก และมีช่องว่างเล็กน้อยระหว่างฟันหน้า[1]มีฮะดีษสองประเภทที่เกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของท่านก. กลุ่มฮะดีษที่ไม่ระบุอายุขัยของท่าน โดยกล่าวเพียงว่าท่านยังแลดูหนุ่ม1. شابٌ بعد کبر السن ท่านยังหนุ่มแม้จะสูงอายุ[2]2. رجوعه من غیبته بشرخ الشباب ท่านจะปรากฏกายในรูปของคนหนุ่มที่อ่อนกว่าวัย
  • ในทัศนะของอัลกุรอาน ความแตกต่างระหว่างอิบลิซ กับชัยฏอน คืออะไร?
    16319 ابلیس و شیطان 2555/09/08
    บนพื้นฐานของอัลกุรอาน,อิบลิซเป็นหนึ่งในหมู่ญิน เนื่องจากการอิบาดะฮฺอย่างมากมาย จึงทำให้อิบลิซได้ก้าวไปอยู่ในระดับเดียวกันกับมะลาอิกะฮฺ แต่หลังจากการสร้างอาดัม, อิบลิซได้ฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮฺ ไมยอมกราบอาดัม, จึงได้ถูกขับออกจากสวรรค์เนรมิตแห่งนั้น ส่วนชัยฏอนนั้นจะใช้เรียกทุกการมีอยู่ ที่แสดงความอหังการ ยโสโอหัง ละเมิด และฝ่าฝืน ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นมนุษย์ หรือญิน หรือสรรพสัตว์ก็ตาม ขณะเดียวกันอิบลิซนั้นได้ถูกเรียกว่าชัยฏอน ก็เนื่องจากโอหังและฝ่าฝืนคำสั่งของพระเจ้า ดังนั้น ถ้าจะกล่าวแล้ว “ชัยฏอน” เป็นนามโดยทั่วไป ซึ่งครอบคลุมเหนือทั้งอิบลิซ และไม่ใช่อิบลิซ ...
  • เหตุใดจึงห้ามกล่าวอามีนในนมาซ?
    9824 สิทธิและกฎหมาย 2555/04/02
    มีฮะดีษจากอะฮ์ลุลบัยต์ระบุว่าการกล่าวอามีนในนมาซไม่เป็นที่อนุมัติ และจะทำให้นมาซบาฏิล โดยหลักการแล้ว ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ถึงการไม่เป็นที่อนุมัติ ทั้งนี้ก็เพราะการนมาซเป็นอิบาดะฮ์ประเภทหนึ่ง ซึ่งย่อมไม่สามารถจะเพิ่มเติมได้ตามใจชอบ ฉะนั้น หากไม่สามารถจะพิสูจน์การเป็นที่อนุมัติของส่วนใดในนมาซด้วยหลักฐานทางศาสนา ก็ย่อมแสดงว่าพฤติกรรมนั้นๆไม่เป็นที่อนุมัติ เพราะหลักเบื้องต้นในการนมาซก็คือ ไม่สามารถจะเพิ่มเติมใดๆได้ หลักการสงวนท่าที(อิห์ติยาฏ)ก็หนุนให้งดเว้นการเพิ่มเติมเช่นนี้ เนื่องจากเมื่อเอ่ยอามีนออกไป ผู้เอ่ยย่อมไม่แน่ใจว่านมาซจะยังถูกต้องอยู่หรือไม่ ต่างจากกรณีที่มิได้กล่าวอามีน ...
  • เรื่องอุปโลกน์“เฆาะรอนี้ก”มีที่มาที่ไปอย่างไร?
    6154 การตีความ (ตัฟซีร) 2554/08/03
    เรื่องเล่า“เฆาะรอนี้ก”อุปโลกน์ขึ้นโดยผู้ไม่หวังดีซึ่งหวังจะลดทอนความน่าเชื่อถือของกุรอานและท่านนบี(ซ.ล.)ลง
  • เพราะเหตุใดชีอะฮฺจึงตั้งชื่อตนเองว่า อับดุลฮุซัยนฺ (บ่าวของฮุซัยนฺ) หรืออับดุลอะลี (บ่าวของอะลี) และอื่นๆ? ขณะที่อัลลอฮฺตรัสว่า : จงนมัสการและเป็นบ่าวเฉพาะข้าเท่านั้น
    6659 توحید و شرک 2555/07/16
    1.คำว่า “อับดฺ” ในภาษาอาหรับมีหลายความหมายด้วยกัน : หนึ่ง หมายถึงบุคคลที่ให้การเคารพ นอบน้อม และเชื่อฟังปฏิบัติตาม, สอง บ่าวหรือคนรับใช้ หรือผู้ถูกเป็นเจ้าของ 2. สถานภาพอันสูงส่งของบรรดาอิมาม (อ.) ผู้บริสุทธิ์นั้นเองที่เป็นสาเหตุทำให้บรรดาผู้เจริญรอยตาม ต้องการเปิดเผยความรักและความผูกพันที่มีต่อบรรดาท่านเหล่านั้น จึงได้ตั้งชื่อบุตรหลานว่า “อับดุลฮุซัยนฺ หรืออับดุลอะลี” หรือเรียกตามภาษาฟาร์ซีย์ว่า ฆุล่ามฮุซัยนฺ ฆุล่ามอะลี และ ...อื่นๆ 3.คนรับใช้ นั้นแน่นอนว่ามิได้หมายถึงการช่วยเหลือทางโลก หรือเฉพาะการดำรงชีพในแต่ละวันเท่านั้น, ทว่าสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าและมีค่ามากไปกว่านั้นคือ การฟื้นฟูแนวทาง แบบอย่าง และการเชื่อฟังผู้เป็นนายั่นเอง, เนื่องจากแม้ร่างกายของเขาจะไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้ว, แต่จิตวิญญาณของเขายังมีชีวิตและมองดูการกระทำของเราอยู่เสมอ 4.วัตถุประสงค์ของการใช้ประโยชน์คำว่า “อับดฺ” ในการตั้งชื่อตามกล่าวมา (เช่นอับดุลฮุซัยนฺ) เพียงแค่ความหมายว่าต้องการเผยให้เห็นถึงความรัก และการเตรียมพร้อมในการรับใช้เท่านั้น ถ้าเป็นเพียงเท่านี้ถือว่าเหมาะสมและอนุญาต, ...
  • มีฮะดีษกล่าวว่า ใครก็ตามที่ได้ถือศิลอดในสามวันสุดท้ายของเดือนชะอ์บาน เขาจะได้รับมรรคผลเท่ากับการถือศิลอดหนึ่งเดือน จากฮะดีษดังกล่าวเราสามารถที่จะถือศิลอดสามวันนี้แทนการถือศิลอดกอฏอ(ชดเชย)สำหรับหนึ่งเดือนรอมฏอนได้หรือไม่?
    6295 สิทธิและกฎหมาย 2554/11/17
    ไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ เนื่องจากฮะดีษต่างๆ ที่กล่าวถึงปริมาณและรายละเอียดผลบุญของการนมาซและถือศิลอดในวันต่างๆ และเดือนต่างๆ หรือผลบุญของการนมาซหรือการถือศิลอดในบางสถานที่ เช่นที่มักกะฮ์และมาดีนะฮ์นั้น บ่งชี้ให้ทราบเพียงว่า การกระทำดังกล่าวตามเงื่อนไขของเวลาและสถานที่ที่กำหนดไว้มีผลบุญที่มากมายมหาศาลเท่านั้น แต่หากต้องการที่จะทำอิบาดะฮ์เหล่านี้เพื่อชดเชยหรือทดแทนอิบาดะฮ์ต่างๆ ในอดีตที่เป็นวาญิบ อาทิเช่นนมาซ, การถือศิลอด ฯลฯ ในกรณีที่เนียต(ตั้งเจตนา)ว่าจะกระทำเพื่อชดเชย ก็จะถือว่าได้ชดเชยไปเทียบเท่ากับหนึ่งวัน หาใช่มากกว่านั้นแน่นอนว่าการถือศิลอดดังกล่าวจะถือเป็นการชดเชยศิลอดเดือนเราะมะฎอนก็ต่อเมื่อผู้ถือศิลอดจะต้องเนียตเกาะฎอ(ชดเชย)ศิลอดเดือนรอมฏอนด้วย มิเช่นนั้น หากเขาเนียตว่าจะถือศิลอดมุสตะฮับ การถือศิลอดนั้นจะไม่นับว่าชดเชยการถือศิลอดเดือนรอมฏอนแต่อย่างใด ซึ่งจริงๆแล้ว หากผู้ใดที่ยังมีหน้าที่ต้องถือศิลอดวาญิบชดเชย ย่อมไม่สามารถถือศิลอดมุสตะฮับ(สุหนัต)ได้ กรณีนี้ต่างจากการนมาซ เนื่องจากเราสามารถที่จะทำการนมาซมุสตะฮับได้ทั้งที่ยังมีภาระที่จะต้องกอฏอนมาซที่เคยขาด
  • ฟิรอูนถูกลงโทษต่อพฤติกรรมที่เป็นบททดสอบของอัลลอฮ์ได้อย่างไร?
    9459 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/04/02
    หนึ่งในจารีตของพระองค์ที่ไม่เปลี่ยนแปลงก็คือ “การทดสอบปวงบ่าว” ซึ่งกระทำผ่านเหตุการณ์และปัจจัยต่างๆ บางครั้งพระองค์ใช้ผู้กดขี่เป็นบททดสอบทั้งๆที่ตัวผู้กดขี่เองไม่ทราบว่าตนเองเป็นบททดสอบ กรณีเช่นนี้จึงหาได้ลดทอนความน่ารังเกียจของพฤติกรรมของพวกเขาไม่ และไม่ทำให้สมควรได้รับการลดหย่อนโทษแต่อย่างใด ทั้งนี้ก็เนื่องจากว่าพระองค์ไม่ได้สั่งให้เขาเป็นบททดสอบสำหรับผู้อื่น ทว่าพระองค์ทรงตระเตรียมการในลักษณะที่ว่า เมื่อใดก็ตามที่ผู้กดขี่แสดงพฤติกรรมกดขี่ด้วยการตัดสินใจของตนเอง การกดขี่ดังกล่าว (ซึ่งขัดต่อคำสอนของพระองค์) ก็จะกลายเป็นบททดสอบสำหรับผู้อื่น และเนื่องจากการกดขี่ดังกล่าวเกิดขึ้นโดยเจตนาของผู้กดขี่เอง จึงสมควรได้รับบทลงโทษ ...

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    57887 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    55397 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    40654 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    37586 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    36480 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    32631 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    26820 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    26376 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    26139 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    24286 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...