การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
7582
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2555/03/08
คำถามอย่างย่อ
ตะวัสสุ้ลทำให้หลงทางหรือไม่ เราพิสูจน์หลักการนี้ด้วยเหตุผลใด?
คำถาม
โทรทัศน์ช่องหนึ่งนำเสนอหัวข้อเกี่ยวกับการตะวัสสุ้ล มีผู้ปกป้องแนวคิดชีอะฮ์คนหนึ่งอ้างว่า หากการตะวัสสุ้ลเป็นชิริกและโมฆะจริง เหตุใดผู้ที่ตะวัสสุ้ลผ่านบุคคลอย่างอิมามริฎอจึงหายจากโรคภัยไข้เจ็บได้? แต่มีผู้ชี้แจงว่าการหายไข้เช่นนี้เนื่องมาจากว่าผู้กระทำตะวัสสุ้ลเป็นพวกหลงทาง และเนื่องจากพวกนี้ดื้อด้านจะทำผิดต่อไป อัลลอฮ์จึงบันดาลให้หายจากโรคภัย เพื่อให้พวกเขาคิดว่าหายขาดเนื่องจากตะวัสสุ้ล ทั้งนี้ก็ตรงกับพระดำรัสของพระองค์ที่ว่า ผู้ใดดืงดันจะเป็นผู้หลงทาง เราก็จะทำให้เขาหลงทางยิ่งขึ้น หากเป็นเช่นนี้จริง ตะวัสสุ้ลและผลพวงของมันก็คือสิ่งที่จะทำให้เราหลงทางยิ่งขึ้น กรุณาหักล้างข้อกล่าวหาข้างต้นด้วยเหตุผลทางสติปัญญาและตัวบทศาสนาด้วยค่ะ
คำตอบโดยสังเขป

การตะวัสสุ้ลไม่ไช่ความหลงผิด ในทางตรงกันข้ามยังถือเป็นวิธีแสวงหาความใกล้ชิดยังอัลลอฮ์อีกด้วย ส่วนการที่ท่านอิมามริฎอ(อ.)ช่วยให้คนป่วยหายดีนั้น ยังไม่ถือว่าเป็นเหตุผลหลักในการยืนยันความถูกต้อง หากแต่เป็นเหตุผลรองที่สนับสนุนเหตุผลทางสติปัญญาและตัวบทศาสนา ทั้งนี้ กลไกของโลกเป็นกลไกแห่งเหตุแลผล  บุคคลคนจะต้องขวนขวายหามูลเหตุหรือวิถีทางเพื่อบรรลุเป้าหมายของตน  ในทางจิตวิญญาณก็มีกลไกคล้ายกันนี้ ดังที่กุรอานปรารภแก่เหล่าผู้ศรัทธาว่า “จงยำเกรงต่อคำบัญชาของพระองค์ และจงแสวงหาหนทางสู่ความใกล้ชิดยังพระองค์”
 

คำตอบเชิงรายละเอียด

หลักการตะวัสสุ้ลนั้น มีหลักฐานยืนยันทั้งในแง่สติปัญญาและตัวบททางศาสนา ส่วนการหายไข้ของผู้ป่วยนั้น หาได้เป็นเหตุผลที่ยืนยันความถูกต้องของตะวัสสุ้ลไม่ แต่ก็สามารถใช้เป็นปัจจัยสนับสนุนได้ในระดับหนึ่ง

อีกด้านหนึ่ง คำตอบของผู้คัดค้านก็แฝงไว้ด้วยกลเม็ดเชิงตรรกะ  ทั้งนี้เนื่องจากว่า เราจะตัดสินผู้อื่นด้วยหลักที่ว่า “ผู้ใดดืงดันจะเป็นผู้หลงทาง เราก็จะทำให้เขาหลงทางยิ่งขึ้น” ได้ก็ต่อเมื่อจะต้องพิสูจน์ว่าอะไรคือ “สิ่งที่ทำให้หลงทาง” ให้ได้เสียก่อน กล่าวคือจะต้องเรียงตามรูปแบบทางตรรกะให้สมบูรณ์ดังนี้ว่า

  1. การตะวัสสุ้ลทำให้หลงทาง
  2. ผู้ใดดืงดันจะเป็นผู้หลงทาง เราก็จะทำให้เขาหลงทางยิ่งขึ้น

ผลก็คือ : ผู้ใดดืงดันจะตะวัสสุ้ล เราก็จะทำให้เขาหลงทางยิ่งขึ้น

การแสดงเหตุผลจะถูกต้องก็ต่อเมื่อมีรูปแบบและอนุมานที่ถูกต้อง ในคำกล่าวข้างต้น อนุมานที่ว่า “ตะวัสสุ้ลคือการดึงดันในความหลงผิด” นั้น เป็นเพียงคำกล่าวอ้างที่ปราศจากเหตุผลรองรับ
กล่าวคือ ผู้ที่กล่าวเช่นนี้คิดเอาเองว่าไม่มีหลักฐานใดๆรองรับการตะวัสสุ้ล จึงนำอคติดังกล่าวมาตั้งเป็นอนุมานที่ผิดพลาดว่า การตะวัสสุ้ลคือการดึงดันในความหลงผิด ทั้งที่จริงแล้วเป็นไปในทางตรงกันข้าม ไม่เพียงแต่การตะวัสสุ้ลจะมีเหตุผลรองรับ ยิ่งไปกว่านั้นเหตุผลเหล่านี้น่าเชื่อถือพอที่จะสร้างแรงจูงใจให้มวลมุสลิมเลือกใช้วิธีตะวัสสุ้ลเป็นช่องทางในการใกล้ชิดพระองค์อีกด้วย

โดยความหมายทั่วไป ตะวัสสุ้ลหมายถึงการที่คนเรานำเสนอบุคคลใดหรือสิ่งหนึ่งสิ่งใด ณ พระองค์ เพื่อให้พระองค์ตอบรับดุอาตามที่เราต้องการ

โดยทั่วไป ทุกคนทราบดีว่าเหตุปัจจัยต่างๆคือหนทางสู่เป้าหมาย ไม่ว่าจะในแง่วัตถุวิสัยหรือในแง่จิตวิญญาณ สัจธรรมนี้ครอบคลุมแม้กระทั่งกรณีของพืชและสัตว์ทั่วไป
กล่าวได้ว่าระเบียบและกลไกของโลกตั้งอยู่บนพื้นฐานของเหตุปัจจัยนานาประเภท ดังที่ท่านอิมามศอดิก(อ.)กล่าวว่า “อัลลอฮ์ไม่ทรงประสงค์ที่จะดำเนินการใดๆโดยปราศจากมูลเหตุจำเพาะของสิ่งนั้นๆ พระองค์จึงทรงกำหนดเหตุปัจจัยของทุกสรรพสิ่งไว้”[1]

ในชีวิตประจำวัน มนุษย์พยายามใช้สติปัญญาและสัญชาตญาณของตนในการค้นหาเหตุปัจจัยที่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ความเจริญรุดหน้าทางด้านเทคโนโลยีอันน่าทึ่งของมนุษย์ล้วนเกิดจากการไขปริศนาเกี่ยวกับเหตุปัจจัยต่างๆและนำมาใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสม อย่างไรก็ดี ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า ชีวิตมนุษย์มิได้จำกัดอยู่เพียงชีวิตทางวัตถุวิสัยเท่านั้น เพราะแกนสำคัญของชีวิตมนุษย์ก็คือจิตวิญญาณอันตั้งอยู่บนพื้นฐานของกลไกเหตุและผลเช่นเดียวกัน ต่างกันตรงที่ว่าในชีวิตเชิงวัตถุวิสัย มนุษย์สามารถใช้สติปัญญาและวิทยาการในการเฟ้นหาเหตุปัจจัยที่เหมาะสมได้ แต่ในเชิงจิตวิญญาณแล้ว การเฟ้นหาเหตุปัจจัยที่เหมาะสมมักจะอยู่เหนือความสามารถของสติปัญญาและประสบการณ์ของมนุษย์ ทั้งนี้ สติปัญญารับรู้ได้ถึงความจำเป็นที่จะต้องมีสื่อกลางหรือเหตุปัจจัยในการใกล้ชิดระหว่างตนเองและพระเจ้า แต่ยังต้องพึ่งพาตัวบทศาสนาในการระบุรายละเอียดของสื่อกลางดังกล่าว

กุรอานสอนผู้ศรัทธาให้เฟ้นหาสื่อกลางเพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับพระองค์ว่า:
يَأَيُّهَا الَّذِينَ ءَامَنُوا اتَّقُوا اللَّهَ وَ ابْتَغُوا إِلَيْهِ الْوَسِيلَةَ وَ جَاهِدُوا فى سبِيلِهِ لَعَلَّكمْ تُفْلِحُونَ  .โอ้ผู้ศรัทธาเอ๋ย จงยำเกรงพระบัญชาของพระองค์ และจงแสวงหาสื่อกลางสู่พระองค์ และจงต่อสู้ในหนทางของพระองค์ หวังว่าสูเจ้าจะได้รับชัยชนะ”[2]

โองการข้างต้นระบุชัดเจนว่าการเชื่อมสัมพันธ์ของพระองค์กระทำได้โดยผ่านสื่อกลางที่จะทำให้มีความใกล้ชิดกับพระองค์เชิงจิตวิญญาณ ถามว่าอะไรคือสื่อกลางในที่นี้?

ฮะดีษมากมายหลายบทที่ปรากฏในตำราฮะดีษทั้งฝ่ายชีอะฮ์และซุนหนี่ต่างระบุว่าท่านนบีและวงศ์วานของท่านคือสื่อกลางที่ดีที่สุดในการเชื่อมสัมพันธ์กับพระองค์[3]

ส่วนหลักฐานจากตัวบทศาสนาที่ยืนยันความถูกต้องของหลักตะวัสสุ้ลก็มีมากมายไม่ว่าในสายชีอะฮ์และซุนหนี่ จำนวนฮะดีษที่มีมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้สามารถขจัดข้อข้องใจได้ทุกประการ

เพื่อศึกษาเพิ่มเติม กรุณาอ่านระเบียนต่อไปนี้
ปรัชญาของการตะวัสสุ้ลยังอะฮ์ลุลบัยต์ 1321 (ลำดับในเว็บไซต์ 1316)
ตะวัสสุ้ลและชะฟาอัตในมุมมองของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ 4889 (ลำดับในเว็บไซต์ 5777)
มุมมองของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ก่อนยุคอิบนิ ตัยมียะฮ์ต่อประเด็นตะวัสสุ้ล  2143(ลำดับในเว็บไซต์ 2261)

 

 


[1] ดู: กุลัยนี,อัลกาฟี,เล่ม 1,หน้า 183,ดารุลกุตุบิลอิสลามียะฮ์,ปี1365

[2] อัลมาอิดะฮ์,35

[3] นะฮ์ญุ้ลบะลาเฆาะฮ์,คุฏบะฮ์ที่ 106

 

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    59391 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    56844 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    41674 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    38426 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    38418 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    33450 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    27540 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    27236 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    27133 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    25209 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...