การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
18508
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2553/10/21
 
รหัสในเว็บไซต์ fa316 รหัสสำเนา 10186
คำถามอย่างย่อ
การพิสูจน์การเป็นวะฮฺยูของคำและรวบรวมอัลกุรอาน หรือการเป็นวะฮฺยูของการเรียบเรียงตามลำดับของบทและโองการต่างๆ นั้น มีมาตรฐานในการยึดมั่นอัลกุรอานอย่างไร จึงจะมีบทบาทต่อการให้ได้มาซึ่งศาสนบัญญัติ ?
คำถาม
การพิสูจน์การเป็นวะฮฺยูของคำและรวบรวมอัลกุรอาน หรือการเป็นวะฮฺยูของการเรียบเรียงตามลำดับของบทและโองการต่างๆ นั้น มีมาตรฐานในการยึดมั่นอัลกุรอานอย่างไร จึงจะมีบทบาทต่อการให้ได้มาซึ่งศาสนบัญญัติ ?
คำตอบโดยสังเขป
คำถามนี้ไม่มีคำตอบแบบสั้น โปรดเลือกปุ่มคำตอบที่สมบูรณ์
คำตอบเชิงรายละเอียด

คำตอบสำหรับคำถามนี้จำเป็นต้องกล่าวว่า โดยทั่วไปแล้วการเรียงลำดับบทต่างๆ (ซูเราะฮฺ) ไม่มีบทบาทต่อ การอิจญ์ติฮาด แต่อย่างใด ที่สำคัญไปกว่านั้นไม่มีกรณีใด ที่สามารถพิสูจน์จุดหรือประเด็นต่างๆ ของฟิกฮฺจากการเรียงลำดับซูเราะฮฺได้เลย นอกจากนั้นการวางโองการที่ความหมายไม่สอดคล้องกัน ก็ไม่มีผลอะไรต่อการอิจญ์ติฮาดเรื่องฟิกฮฺ ด้วยเหตุนี้ บรรดาฟุเกาะฮา บนพื้นฐานคำพูดของท่านเหล่านั้นจึงไม่จำเป็นต้องพิสูจน์เนื้อหาทั้ง 2 ประนี้[1]

สิ่งที่จำเป็นสำหรับบรรดาฟะกีฮฺทั้งหลาย คือการพิสูจน์ว่าอะไรเป็นหลักฐาน เนื้อหาของอัลกุรอาน คำเอกพจน์ การผสมคำซึ่งทำให้เกิดโองาการ และกุล่มโองการที่มีความหมายสัมพันธ์กัน พระเจ้าและอะฮฺยู[2] ซึ่งสิ่งนี้สามารถพิสูจน์ได้ด้วยความมหัศจรรย์ด้านวาทศาสตร์ของอัลกุรอาน เนื่องจากวาทศาสตร์นั้น ไม่ได้จำกัดอยู่แค่คำเท่านั้น ทว่าทั้งคำและความหมายต่างมีผลทั้งสิ้น โดยทั่วไปวาทศาสตร์และโวหารนั้น ถ้าปราศจากเนื้อหาที่ถูกต้อง ความหมายที่เหมาะสมและจิตวิญญาณของความหมายต่อเนื่องแล้วละก็ จะไม่มีความหมายใดๆ ทั้งสิ้น

อีกด้านหนึ่ง อาจเป็นไปได้ที่ว่ามีบางกรณีในอัลกุรอานได้ถูกแยก หรือโองการสลับที่กัน แน่นอน ว่าในส่วนนั้นความหมายจะหายไปด้วย  -- ตัวอย่างเช่น สัญลักษณ์ของซิยากได้บ่งบอกถึงความหมายอันเฉพาะเจาะจง แต่เนืองจากเกิดสลับที่กันความหมายได้ถูกทำลายไป -- จากมุมมองบรรดามุจญ์ตะฮิดถือว่าใช้ไม่ได้- เนื่องจากเหตุผลที่ว่าอัล-กุรอานได้รับการป้องกันจากการบิดเบือนใดๆ ทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม ถ้าหากมุจญฺตะฮิดคิดว่าโองการมากหรือน้อยไป อยู่ก่อนหรืออยู่หลัง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้มีผลทางความหมายด้วย ฉะนั้น ไม่สามารถกล่าวได้อีกว่า "ข้าพเจ้ามีหน้าที่ปฏิบัติตามภายนอกของอัลกุรอาน” เพราะการคิดลักษณะเช่นนี้ จะทำให้เหตุผลภายนอกของอัลกุรอานอยู่ภายใต้คำถามได้ ดังนั้น สติปัญญาจึงคาดการณ์ว่า คำหรือวลีของอัลกุรอาน หรือการรวบรวมคำเหล่านั้น อันก่อให้เกิดเป็นโองการต่างๆ หรือกลุ่มคำต่างๆ จากโองการ ซึ่งทั้งหมดมี ซิยากเดียวกันและเกี่ยวข้องกับเรื่องเดียวกัน ถ้าเป็นสิ่งที่มาจากผู้อื่นที่นอกเหนือไปจากอัลลอฮฺ สิ่งนี้เป็นความจำเป็นของการบิดเบือนอัลกุรอาน ซึ่งในที่สุดแล้วก็ถือว่าใช้ไม่ได้ ด้วยคุณสมบัติดังกล่าว สามารถพิสูจน์ด้วยสติปัญญาได้ว่าการประทานอัลกุรอานนั้นมาจากพระเจ้าหรือไม่ ถึงแม้ว่าการนี้จะทำให้พื้นฐานของการย่อยสาขาออกไป จากสาขาอันเป็นพื้นฐานสำคัญ ซึ่งจะทำให้อัลกุรอานบริสุทธิ์จากการถูกบิดเบือน

ด้วยเหตุนี้ การยอมรับความคิดที่ว่า คำหรือการรวบรวม หรือแม้แต่กลุ่มโองการที่อยู่ในซิยาก (บริบท) เดียวกัน  มาจากคนอื่นที่นอกเหนือไปจากอัลลอฮฺแล้วละก็ จะทำให้อัลกุรอานตกจากการเป็นเหตุผล บางทีอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ บรรดานักรุวาอีย์ (นักฮะดีซ) ถือว่าภายนอกของอัลกุรอานไม่ได้เป็นข้อพิสูจน์หรือเหตุผล พวกเขาเชื่อในการสลับที่ของโองการอัลกุรอาน แน่นอน สิ่งที่พวกเขากระทำนอกจากจะไม่ได้ปกป้องศาสนาแล้ว ยังถือว่าเป็นการก้าวถอยหลังอีกต่างหาก ความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงของพวกเขาคือ พวกเขาคิดว่าถ้าหากรักษาอัลกุรอานไว้ข้างๆ เท่ากับได้ปกป้องศาสนาแล้ว ทว่าสิ่งที่พวกเขาได้กระทำนั้นเท่ากับทำให้กิจการของศาสนาถูกสอบสวน[3]

 

แหล่งศึกษาเพิ่มเติม :

Hadavi เตหะราน Mehdi มะบานีกะลามีอิจญ์ติฮาด, มะอัซซะซะฮฺ ฟังฮังกี คอเนะ เครัด กุม พิมพ์ครั้งแรก ปี, 1377



[1] ความหมายของคำพูดข้างต้นไม่ได้หมายความว่าไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า อัลกุรอานไม่ได้ถูกรวบรวมในสมัยของท่านศาสดา ทว่าสิ่งที่พูดคือประเด็นดังกล่าวไม่มีบทบาทอะไรในทางฟิกฮฺ อีกทั้งยังไม่ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของ มะบานีกะลามอิจญ์ติฮาดอีกด้วย ด้งที่ในอดีตที่ผ่านมา นักวิชาการฝ่ายชีอะฮฺหลายคน ได้นำเสนอเหตุผลในประวัติศาสตร์ ซึ่งยืนยันให้เห็นว่าอัลกุรอานนั้นถูกรวบรวมในสมัยของท่านนบี (ซ็อล ฯ)  นอกจากนี้ถ้าหากหาจุดในการเรียบเรียงซูเราะฮฺและโองการต่างๆนั้น ถ้าหากการเรียบเรียงล้มเหลวลง แน่นอน จุดต่างๆ ก็ต้องสูญเสยไปด้วย เข่น ความสัมพันธ์ตัวเลขกับซูเราะฮฺและโองการต่างๆ

[2] ผลสะท้อนของการเป็นวะฮฺยูและกลุ่มโองการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเรียกว่า กะรีนะฮฺซิยากียะฮฺ มีความขัดแย้งกัน

[3] ฮาดะวี เตหะรานนี มะฮฺดี มะบานีกะลามี อิจญฺติฮาด หน้า 56-57

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    59395 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    56845 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    41676 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    38430 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    38422 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    33454 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    27541 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    27239 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    27137 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    25214 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...