การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
5291
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2550/09/29
คำถามอย่างย่อ
เหตุผลของการเลือกบรรดาศาสดาและอิมาม ท่ามกลางปวงบ่าวอื่นๆ?
คำถาม
เหตุผลของการเลือกบรรดาศาสดาและอิมาม ท่ามกลางปวงบ่าวอื่นคืออะไร? เพราะเหตุใดมุฮัมมัดจึงเป็นผู้ถูกเลือกสรรของพระเจ้า และเป็นบ่าวที่ดีที่สุด? แล้วประเด็นนี้เกี่ยวข้องกับช่วงเวลาก่อนการประสูติของท่านด้วยหรือไม่?
คำตอบโดยสังเขป

บนพื้นฐานของเหตุผลทั่วไปแห่งสภาวะการเป็นศาสดา คือ การชี้นำมวลมนุษยชาติ, พระองค์จึงเลือกสรรประชาชาติบางคนจากหมู่พวกเขาในฐานะของแบบอย่าง, เพื่อเป็นตัวแทนและเป็นผู้ชี้นำทาง แน่นอนการเลือกสรรนี้มิได้ปราศจากเหตุผล

คำอธิบาย ศักยภาพในการเป็นเคาะลิฟะฮฺของพระเจ้า ได้ถูกมอบแก่มนุษย์ทุกคนแล้ว เพียงแต่ว่ามิใช่มนุษย์ทุกคนจะไปถึงขั้นนั้นได้, มีเฉพาะบางคนเท่านั้นที่มีศักยภาพพอ และด้วยการอิบาดะฮฺทำให้เขาได้ไปถึงยังตำแหน่งของการเป็นตัวแทนของพระองค์บนหน้าแผ่นดิน และพวกเขาจะไม่กระทำความผิดตามเจตนารมณ์เสรีของตน, อัลลอฮฺ ทรงรอบรู้ถึงสภาพของพวกเขาทั้งก่อนการสร้างในรูปแบบภายนอก และทรงรอบรู้ถึงสภาพและความประพฤติของพวกเขาเป็นอย่างดี, การตอบแทนผลรางวัลแก่การงานของพวกเขา, พระองค์ทรงเลือก มอบสาส์น และความคู่ควรการเป็นผู้นำสังคมแก่พวกเขา, ดังนั้น ความเร้นลับในการเลือกสรรจึงวางอยู่บน 2 เหตุผล กล่าวคือ

1.การแสดงความเคารพสมบูรณ์ของหมู่มิตรของพระเจ้าที่มีต่อพระองค์

2.ความเมตตาและความการุณย์พิเศษของพระเจ้า ที่มีต่อหมู่มิตรของพระองค์

สรุป ความเมตตาการุณย์ของพระเจ้าที่ทรงมีต่อบรรดาศาสดา และบรรดาอิมาม (อ.) เนื่องจากว่า หนึ่ง : วางอยู่บนศักยภาพและความเพียรพยายามของพวกเขา และสอง : การมอบความเมตตานี้ ตามความเป็นจริงแล้วเป็นความเมตตาประเภทหนึ่งที่มีต่อปวงบ่าวทุกคน เพื่อการชี้นำทางพวกเขา, ซึ่งวางอยู่บนวิทยปัญญาและความยุติธรรม.

คำตอบเชิงรายละเอียด

บนเหตุผลทั่วไปของการเป็นศาสดา, อัลลอฮฺทรงเลือกสรรประชาชาติบางคนในหมู่พวกเขา ให้เป็นแบบอย่างและเป็นผู้ช้ำนำแก่พวกเขา ซึ่งบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงเลือกสรรนั้นมีคุณสมบัติพิเศษ เช่น มีความรู้ และความบริสุทธิ์ ด้วยเหตุนี้เอง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าบรรดาศาสดาและบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ (อ.) ต่างได้รับความการุณย์พิเศษจากพระเจ้า ทว่าความการุณย์พิเศษที่พระองค์ทรงมอบให้นี้เกิดจากศักยภาพ ความดีงาม และความปรารถนาของบรรดาผู้บริสุทธิ์, กล่าวคือ อัลลอฮฺ ทรงรอบรู้ด้วยวิทยปัญญาอันสมบูรณ์และนิรันดร์ของพระองค์ว่า มีบางกลุ่มชนจากปวงบ่าวทั้งหลายมีศักยภาพเหนือกว่าบุคคลอื่น และเป็นผู้เชื่อฟังปฏิบัติตามพระองค์โดยจริงใจและบริสุทธิ์ใจยิ่ง ด้วยเหตุนี้เอง พระองค์จึงเลือกพวกเขาจากหมู่ประชาชาติทั้งหลาย และทรงมอบความเมตตาพิเศษตลอดจนรางวัลแก่พวกเขา และพระองค์ทรงรอบรู้ดียิ่งว่า พวกเขาจะไปถึงยังตำแหน่งของผู้บริสุทธิ์สมบูรณ์ด้วยความรู้ และความปรารถนาของตนเอง เพื่อว่าจะได้ประสบความสำเร็จในการชี้นำทาง และเป็นที่เชื่อถือและมั่นใจสำหรับบุคคลอื่น

อัลกุรอาน และรายงานจำนวนมากมายได้บ่งชี้ถึงประเด็นดังกล่าว ซึ่งจะขอหยิบยกมาอธิบายบางส่วน ดังนี้, อัลลอฮฺ ตรัสไว้ในอัลกุรอานว่า : และจากพวกเขา เราได้ตั้งให้พวกเขาเป็นผู้นำ เพื่อจะได้ชี้แนะแนวทางที่ถูกต้อง (แก่ประชาชน) ตามคําบัญชาของเรา เนื่องจากพวกเขามีความอดทนและมีความเชื่อมั่นต่อโองการทั้งหลายของเรา.[1]

ท่านอิมามซอดิก (อ.) กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวว่า : แน่นอน อัลลอฮฺ ทรงเลือกสรรมนุษย์จากบุตรหลานของอาดัม ทรงทำให้การถือกำเนิดและร่างกายของพวกเขาสะอาดบริสุทธิ์ แล้วทรงปกป้องพวกเขาไว้ในไขสันหลังของบุรุษ และรังไข่ของสตรี มิใชเป็นเพราะว่าอัลลอฮฺทรงปรารถนาจึงเป็นเช่นนั้น, ทว่าอัลลอฮฺ ทรงทราบดียิ่งนับตั้งแต่เริ่มสร้างว่า พวกเขาจะเชื่อฟังปฏิบัติตามพระบัญชาของพระองค์ พวกเขาจะแสดงความเคารพภักดีต่อพระองค์เสมอ โดยพวกเขาจะไม่ตั้งภาคีเทียบเทียมพระองค์ [แม้แต่ภาคีชนิดเบาบางที่สุด] ดังนั้น พวกเขาจึงถูกประทานลงมาจากพระเจ้า เนื่องจากพวกเขาเป็นผู้เชื่อฟังปฏิบัติตามพระบัญชาของพระองค์ และเป็นผู้มีเกียรติอันสูงส่ง ณ พระองค์[2]

ตอนเริ่มแรกของดุอาอฺ นุดบะฮฺ กล่าวว่า : โอ้ อัลลอฮฺ ขอขอบคุณพระองค์, พระองค์ทรงวางเงื่อนไขกับพวกเขา (หมู่มิตรของพระองค์) ว่า จงอย่าลุ่มหลงต่อความสวยงาม และตำแหน่งทางโลก จงอย่าคิดถึงตำแหน่งใด นอกจากความใกล้ชิดต่อพระองค์ และพวกเขาก็ได้ยอมรับเงื่อนไขต่างๆ เหล่านี้ และพระองค์ทรงรอบรู้ดียิ่งว่าพวกเขาต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข พระองค์จึงทรงยอมรับพวกเขา และให้พวกเขาเป็นผู้ใกล้ชิดต่อพระองค์ ด้วยความดีงามเหล่านี้นั่นเอง พระองค์จึงทรงประทานมลาอิกะฮฺลงมายังพวกเขา และทรงยกเกียรติยศของพวกเขาด้วยวะฮฺยูของพระองค์ และพวกเขาได้อ่านความรู้อันไร้พรมแดนจำกัดของพระองค์[3]

สรุป ศักยภาพการเป็นตัวแทนของอัลลอฮฺ ได้ถูกบรรจุอยู่ในตัวมนุษย์ทุกคน เพียงแต่ใช่ว่าทุกคนจะไปถึงยังตำแหน่งนั้น[4] การเลือกบรรดาศาสดาและบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ (อ.) สืบเนื่องจากการได้รับประโยชน์อย่างความสมบูรณ์แบบของพวกเขา จากศักยภาพต่างๆ ที่อัลลอฮฺทรงมอบให้ในวิถีของการแสดงความเคารพภักดีต่อพระเจ้า และอัลลอฮฺ ทรงรอบรู้สิ่งนี้ด้วยความรู้นิรันดร์ของพระองค์ กล่าวคือ พระองค์ทรงทราบเป็นอย่างดีว่ากลุ่มชนเหล่านี้ จะใช้ศักยภาพและความสามารถทั้งหมดที่มีอยู่ไปในหนทางของพระองค์ พระองค์จึงทรงตอบแทนพวกเขา ด้วยการมอบความการุณย์อันเฉพาะพิเศษ กล่าวคือ ตำแหน่งการเป็นศาสดาและอิมามแก่พวกเขา

อย่างไรก็ตาม, การประทานความการุณย์พิเศษจากอัลลอฮฺ วางอยู่บนความเหมาะสมของบุคคล, ด้วยเหตุนี้ บางคนมิได้อยู่ในขอบข่ายของความการุณย์ดังกล่าว ก็ด้วยเหตุผลที่ว่า การมีศักยภาพดังกล่าวมิได้เป็นความเหมาะสมสำหรับพวกเขา และพวกเขาก็ไม่รู้ถึงคุณค่าเหล่านั้นด้วย

จะกล่าวถึงตัวอย่างสองสามประการจากอัลลอฮฺ เพื่อเราจะได้รู้ว่าปวงบ่าวบางคนได้รับความประเสริฐเหล่านั้น แต่เนื่องจากการนำไปใช้ประโยชน์ในทางไม่ดี ความการุณย์เหล่านั้นได้กลายเป็นการลงโทษพวกเขาในบัดดล. การมอบความการุณย์พิเศษจากอัลลอฮฺ แก่ปวงบ่าวบางคนที่บริสุทธิ์มิได้ปราศจากวิทยปัญญา เนื่องจาก อัลลอฮฺผู้ทรงรอบรู้เหตุการณ์ ทรงรู้ดีว่าจะมอบสาส์นของพระองค์แก่ผู้ใด และผู้ใดมีศักยภาพพอสำหรับการรับสาส์นั้น

อัลลอฮฺ ตรัสถึงบ่าวบางคนจากหมู่ชนของมูซา (อ.) ซึ่งตามรายงานเรียกเขาว่า บิลอิลม์ ตรัสว่า : เราได้ยกย่องปวงบ่าวบางคน, และเราได้ให้รางวัลอันเฉพาะแก่เขา นอกจากนั้นยังมอบเกียรติยศแก่เขา [แน่อน มิใช่ตำแหน่งนบีหรือศาสดา] แต่เขากลับนำเอาความการุณย์พิเศษของพระเจ้า ไปเป็นทาสรับใช้อำนาจฝ่ายต่ำของตน และใช้สิ่งนั้นไปในหนทางไม่ดี และเนื่องด้วยการนำไปใช้ประโยชน์ในทางที่ไม่ดีนั่นเอง ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ได้รับการยกย่องอีกต่อไป ทว่าเขายังต่ำต้อยยิ่งกว่าสุนัขเสียอีก[5]

เมื่อพิจารณาสิ่งที่กล่าวมา,จะได้คำตอบชัดเจนจากคำถามที่ว่า การเลือกสรรศาสดานั้น เกี่ยวข้องกับช่วงเวลาก่อนการถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกนี้หรือไม่? เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า มาตรฐานคือการงานบนโลกนี้, ดังเช่นความหมายของรายงานหนึ่ง เหมือนที่ท่านอิมามซอดิก (อ.) กล่าวไว้ว่า : อัลลอฮฺ ทรงมีบัญชาแก่เหล่าสหายฝ่ายขวาว่า จงโดดเข้าไปในกองเพลิงเถิด พวกเขาได้ตอบรับ และกระโดดเข้าไปในกองเพลิง ส่วนเหล่าสหายฝ่ายเหนือดื้อดึง และไม่ยอมกระโดดเข้ากองเพลิง[6] ดังนั้น เป็นที่ชัดเจนว่าวัตถุประสงค์ของบุคคล ที่ได้ประพฤติปฏิบัติตนด้วยการเลือกสรรและเจตนารมณ์เสรี พวกเขาได้ก้าวไปสู่การเป็นสหายฝ่ายขวา หรือฝ่ายเหนือ ซึ่งธาตุแท้ของพวกเขาได้ถูกแสดงให้เห็นตั้งแต่ก่อนที่จะลงมายังโลกมนุษย์

ไม่ว่าอย่างไรก็ตามความประเสริฐและความดีกว่า ของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) และบรรดาอิมาม (อ.) เมื่อเทียบกับบุคคลอื่นเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนอยู่แล้ว, ท่านอิมามซอดิก (อ.) กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า : เมื่ออัลลอฮฺ ทรงเริ่มการสร้างสรรค์สรรพสิ่ง พระองค์ทรงให้สิ่งเหล่านั้นปรากฏอยู่ ณ เบื้องพระพักตร์ของพระองค์ และถามพวกเขาว่า ใครคือพระผู้อภิบาลของพวกเจ้า? มีบุคคลหนึ่งได้ตอบโดยกล่าวว่า พระองค์คือพระผู้อภิบาลของพวกเรา, บุคคลนั้นคือ ท่านเราะซูล (ซ็อล ฯ) อิมามอะลี และบรรดาอิมามท่านอื่นๆ (อ.) ดังนั้น อัลลอฮฺ จึงทรงมอบให้พวกเขาเป็นผู้รับผิดชอบความรู้และศาสนา[7]

หรือในบางรายงานท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) กล่าวว่า : »อัลลอฮฺทรงสร้างฉัน อะลี ฟาฏิมะฮฺ ฮะซัน และฮุซัยนฺ 7000 ปี ก่อนที่จะสร้างโลกนี้«[8] ซึ่งวัตถุประสงค์ของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) คือ การสร้างประกายรัศมีและความเร้นลับด้านจิตวิญญาณ มิใช่หมายถึงการสร้างด้านกายภาพและร่างกาย ซึ่งต้องอาศัยกาลเวลาและสถานที่ สรุปก็คือ ความโปรดปรานของอัลลอฮฺที่มีต่อบรรดาศาสดา และบรรดาอิมาม (อ.) คือ วางอยู่บนพื้นฐานของศักยภาพและความเพียรพยายามของพวกเขา สอง : การให้ความการุณย์พิเศษนี้ ตามความเป็นจริงแล้วเป็นความโปรดปรานชนิดหนึ่ง ที่ทรงมอบแก่ปวงบ่าวทุกคน เพื่อการชี้นำทางพวกเขา, และสิ่งนั้นวางอยู่บนวิทยปัญญาและความยุติธรรม.

 


[1] อัลกุรอาน บทซัจญฺดะฮฺ, 24.

[2] บิฮารุลอันวาร, เล่ม 10, หน้า 170.

[3] ซีดีวิชาการ พะรัซเซมอน

[4] อายะตุลลอฮฺ มิซบาฮฺ ยัซดี, พิช เนยอซฮอเยะ มุดีรียัต อิสลามมี, หน้า 56

[5] อายะตุลลอฮฺ มิซบาฮฺ ยัซดี, ดัรพัรทูร วิลายะฮฺ, หน้า 56.

[6] บิฮารุลอันวาร, เล่ม 5, หน้า 241.

[7] อ้างแล้วเล่มเดิม, หน้า 224

[8] อ้างแล้วเล่มเดิม, เล่ม 54, หน้า 43.

 

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • ความเชื่อคืออะไร
    16768 เทววิทยาใหม่ 2554/04/21
    ความเชื่อคือความผูกพันขั้นสูงสุดของมนุษย์เกี่ยวกับเรื่องจิตวิญญาณซึ่งถือว่าเป็นมงคลแก่ผู้คนและพร้อมที่จะแสดงความรักและความกล้าหาญของตนออกมาเพื่อสิ่งนั้นความเชื่อในกุรอานมี 2 ปีก : ศาสตร์และการปฏิบัติศาสตร์เพียงอย่างเดียวสามารถรวมเข้าด้วยกันกับการปฏิเสธศรัทธาได้ขณะเดียวกันการปฏิบัติเพียงอย่างเดียวสามารถเชื่อมโยงกับการกลับกลอกได้ในหมู่บรรดานักศาสนศาสตร์อิสลามได้แสดงทัศนะเกี่ยวกับความเชื่อไว้ ...
  • ดิฉันเป็นวัยรุ่นคนหนึ่ง อยากจะทราบว่าอะไรคือเป้าหมายของชีวิต?
    7117 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2555/01/07
    อิสลามมีคำสอนที่เกี่ยวกับเป้าหมายของชีวิตมากมายกุรอานได้ชี้แนะว่า “อิบาดัต” คือเป้าหมายของมนุษย์อันจะนำมาซึ่งการบรรลุธรรมตลอดจนความผาสุกในโลกนี้และโลกหน้าอีกนัยหนึ่งจุดประสงค์ของชีวิตก็คือการแข่งขันกันทำความดีซึ่งฮะดีษหลายบทก็ได้แจกแจงถึงรายละเอียดของเป้าหมายชีวิตอย่างชัดเจน ส่วนการศึกษาฮะดีษของบรรดามะอ์ศูมีน(อ.)นั้นจำเป็นต้องคำนึงว่าแม้ฮะดีษเหล่านี้จะมีประโยชน์สำหรับทุกคนแต่การที่จะอ้างฮะดีษบทใดบทหนึ่งถึงพวกท่านเหล่านั้นจำเป็นต้องคำนึงถึงเงื่อนไขบางประการซึ่งจะนำเสนอในหน้าคำตอบแบบสมบูรณ์ ...
  • รายงานฮะดีซกล่าวว่า:การสร้างความสันติระหว่างบุคคลสองคน ดีกว่านมาซและศีลอด วัตถุประสงค์คืออะไร ?
    5569 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2555/05/17
    เหมือนกับว่าการแปลฮะดีซบทนี้ มีนักแปลบางคนได้แปลไว้แล้ว ซึ่งท่านได้อ้างถึง, ความอะลุ่มอล่วยนั้นเป็นที่ยอมรับ, เนื่องจากเมื่อพิจารณาใจความภาษาอรับของฮะดีซที่ว่า "صَلَاحُ ذَاتِ الْبَيْنِ أَفْضَلُ مِنْ عَامَّةِ الصَّلَاةِ وَ الصِّيَام‏" เป็นที่ชัดเจนว่า เจตนาคำพูดของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ต้องการกล่าวว่า การสร้างความสันติระหว่างคนสองคน, ดีกว่าการนมาซและการถือศีลอดจำนวนมากมาย[1] แต่วัตถุประสงค์มิได้หมายถึง นมาซหรือศีลอดเป็นเวลาหนึ่งปี หรือนมาซและศีลอดทั้งหมด เนื่องจากคำว่า “อามะตุน” ในหลายที่ได้ถูกใช้ในความหมายว่า จำนวนมาก เช่น ประโยคที่กล่าวว่า : "عَامَّةُ رِدَائِهِ مَطْرُوحٌ بِالْأَرْض‏" หมายถึงเสื้อผ้าส่วนใหญ่ของเขาลากพื้น[2] ...
  • เราสามารถที่จะทำน้ำนมาซหรืออาบน้ำยกฮะดัษทั้งที่ได้เขียนตาไว้หรือไม่?
    5203 สิทธิและกฎหมาย 2555/02/05
    ในการทำน้ำนมาซหรือการอาบน้ำยกฮะดัษจะต้องไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆที่จะสกัดกั้นมิให้น้ำไหลถึงผิวได้ดังนั้นหากได้เขียนในวงขอบตาการอาบน้ำนมาซและการอาบน้ำยกฮะดัษถือว่าถูกต้องแต่ถ้าหากได้เขียนบริเวณรอบตาหรือบริเวณคิ้วก็จะต้องพิจารณาว่ามีความหนาแน่นถึงขั้นสกัดมิให้น้ำเข้าไปถึงบริเวณที่จะต้องทำน้ำนมาซหรือการอาบน้ำยกฮะดัษหรือไม่?เนื่องจากประเด็นดังกล่าวเป็นประเด็นที่บรรดาฟุกะฮาอ์มีทัศนะเอกฉันท์จึงขอยกคำวินิจฉัยเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวของท่านอายาตุลลอฮ์บะฮ์ญัตมาณที่นี้“หากได้เขียนบริเวณรอบนอกของดวงตาและที่เขียนตามีความมันจนคนทั่วไปเชื่อว่าจะสกัดกั้นมิให้น้ำเข้าถึงและมั่นใจว่าเขียนขอบตาก่อนที่จะทำการอาบน้ำยกฮะดัษจะต้องอาบน้ำยกฮะดัษใหม่”[1][1]บะฮ์ญัต, มุฮัมหมัดตะกี, การวินิจฉัย, เล่มที่ 1,สำนักพิมพ์ท่านอายาตุลลอฮ์บะฮ์ญัต
  • ในทัศนะของอิสลาม ชาวฮินดูถือว่าเป็นนะญิสหรือไม่ และจะต้องออกห่างพวกเขาหรือไม่?
    6841 สิทธิและกฎหมาย 2554/08/17
    บรรดามัรญะอ์ได้ฟัตวาว่ากาฟิรเป็นนะญิสและจะต้องหลีกเลี่ยงความเปียกชื้นจากพวกเขาท่านอิมามโคมัยนีได้กล่าวเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่า “กาฟิรคือผู้ที่ไม่เชื่อในพระผู้เป็นเจ้าหรือตั้งภาคีต่อพระเจ้าหรือไม่ยอมรับในการเป็นศาสนทูตของท่านศาสดามูฮัมหมัด (ศ็อลฯ) เขาผู้นั้นถือเป็นนะญิส
  • เพราะสาเหตุใดส่วนแบ่งมรดกของสตรีจึงได้เพียงครึ่งหนึ่งของชาย ?
    9336 สิทธิและกฎหมาย 2554/04/21
    หนึ่งในสาเหตุที่ส่วนแบ่งมรดกของฝ่ายชายมากกว่าฝ่ายหญิงคือเรืองค่าเลี้ยงดูของหญิงอยู่ในความรับผิดชอบของฝ่ายชายกล่าวคือฝ่ายชายนอกจากจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของตนแล้วยังมีหน้าที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายประจำวันของฝ่ายหญิงและบรรดาลูกๆอีกด้วยอีกด้านหึ่งฝ่ายชายต้องเป็นผู้จ่ายมะฮฺรียะฮฺส่วนฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายรับมะฮฺรียะฮฺนั้นตามความเป็นจริงสามารถกล่าวได้ว่าสิ่งที่ฝ่ายหญิงได้รับในฐานะของมรดกหรือมะฮฺรียะฮฺนั้นก็คือทรัพย์สะสมขณะที่ส่วนแบ่งมรดกของฝ่ายชายถูกใช้ไปเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของตนของภรรยาและบรรดาลูกๆนอกจากนี้แล้ว
  • ทัศนะอิสลามเกี่ยวกับการทำสงครามในเดือนต้องห้ามคืออะไร?
    10989 การตีความ (ตัฟซีร) 2554/12/20
    บนพื้นฐานของโองการและรายงานต่างๆของเรา, จะพบว่าอิสลามมิได้เพียงแค่ห้ามการทำสงครามกันเฉพาะในเดือนต้องห้าม (ซุลเกาะดะฮฺ, ซุลฮิจญะฮฺ, มุฮัรรอม,
  • ชีวิตและจิตวิญญาณต้องนอนหลับหรือตายด้วยหรือไม่ ?
    5734 เทววิทยาดั้งเดิม 2553/12/22
    ปัญหาเรื่องจิตวิญญาณและแก่นแท้ของมันเป็นปัญหาที่พิพาทถกเถียงกันมาตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันซึ่งจัดได้ว่าเป็นปัญหาที่มีความสำคัญอย่างยิ่งคำถามข้างต้นก็ได้ก็เป็นผลพวงและแหล่งที่มาจากคำถามนี้เองที่ว่าแก่นแท้ของมนุษย์ก็คือ กายภาพอันเป็นวัตถุตามลักษณะที่ปรากฏกระนั้นหรือหรือว่าเบื้องหลังของมันยังมีสิ่งอื่นที่ซ่อนเร้นอยู่อีกซึ่งตาเนื้อธรรมดาไม่อาจมองเห็นได้ซึ่งอยู่นอกเหนือคุณสมบัติของวัตถุและมีลักษณะศักดิ์สิทธิ์และถ้าเป็นเช่นนั้นจริงสิ่งนั่นเป็นวัตถุหรือนามธรรมที่ไร้สถานะและชะตากรรมของสิ่งนั้นภายหลังจากการตายของร่างกายจะเป็นอย่างไร?คำตอบสำหรับคำถามข้างต้นนี้สามารถอธิบายในเชิงของทฤษฎีบท,ในลักษณะที่เป็นเชิงตรรกะเพื่อจะได้ไปถึงยังบทสรุป
  • จะมีวิธีการสนับสนุนอย่างไรบ้าง เพื่อให้บุตรหลานรักการอิบาดะฮฺ?
    5580 بندگی و تسبیح 2555/08/22
    สำหรับการส่งเสริมและการสนับสนุนให้ปฏิบัติข้อบังคับของศาสนา เบื้องต้นสิ่งแรกที่จะต้องทำคือการวิเคราะห์ความคิดของเขา หลังจากนั้นจึงจะหาวิธีแก้ไขและส่งเสริมต่อไป, ทัศนะของบุคคลและความเชื่อที่มีต่ออัลลอฮฺ, โลกทัศน์ของพระเจ้า,มนุษย์, วันฟื้นคืนชีพ และ... เหล่านี้มีผลโดยตรงต่อความเชื่อ เพราะจะช่วยทำให้เขามั่นคงต่อการอิบาดะฮฺ และการปฏิบัติข้อบังคับต่างๆ และความประพฤติ การโน้มน้าวทางความเชื่อ การมีวิสัยทัศน์ที่ดี และการมีความคิดดีกับฝ่ายตรงข้าม (โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุตรหลาน) ดังนั้น เพื่อก่อให้เกิดมรรคผลในทางที่ดี การอบรมสั่งสอนและการส่งเสริม จึงจำเป็นต้องเริ่มจากความคิดของเขาก่อน แน่นอน การที่บิดามารดาไม่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบุตร โปรแกรมการอบรมสั่งสอนย่อมไม่ได้ผล หรือล้มเหลวแน่นอน โดยการใช้วิธีปฏิบัติที่เหมาะสมด้านการอบรม สามารถสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบุตรหลานของตนได้ บางวิธีการเป็นวิธีที่มีความจำเป็นและเหมาะสม ดังเช่น : 1 ให้เกียรติบุตร: ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) กล่าวว่า "จงให้เกียรติลูกๆ ของตนและจงอบรมสั่งสอนให้ดี" 2 รู้ถึงความต้องการของเด็กและเยาวชนในช่วงวัยรุ่น (เช่นความเป็นอิสระ, อารมณ์, ฯลฯ) เป็นการรู้จักทั่วไปถึงสภาพจิตใจอันเฉพาะของลูกแต่ละคน ...
  • การเผยแพร่ศาสนา (สอนและแนะนำต่างศาสนิก) เป็นวาญิบสำหรับมุสลิมทุกคนหรือไม่?
    21697 จริยธรรมปฏิบัติ 2555/04/02
    อิสลามเป็นศาสนาระดับโลกสำหรับสาธารณชน และเป็นศาสนาสุดท้าย ด้วยเหตุนี้ มนุษย์ทุกชาติพันธุ์จึงควรศึกษาเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม วิธีสำคัญที่จะทำให้ผู้อื่นรู้จักศาสนาแห่งมนุษยธรรมดังกล่าวก็คือ การเผยแพร่ข้อเท็จจริง บทบัญญัติ คำแนะนำและขนบมารยาทของอิสลามให้เป็นที่รู้จัก คัมภีร์กุรอานได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเผยแพร่ไว้ในหลายโองการด้วยกัน ดังโองการที่ว่า “จะมีใครมีวาจาที่ประเสริฐไปกว่าผู้ที่เชื้อเชิญสู่อัลลอฮ์และความประพฤติอันงดงาม โดยกล่าวว่าฉันคือหนึ่งในมวลมุสลิม”[1] อีกโองการหนึ่งระบุว่า “และจะต้องมีคณะหนึ่งจากสูเจ้าที่เชื้อเชิญสู่ความประเสริฐ กำชับสู่ความดีและห้ามปรามจากความชั่ว บุคคลเหล่านี้แหล่ะคือผู้ได้รับชัยชนะ”[2] แม้ว่าการเผยแพร่ศาสนาจะมิได้เป็นภาระหน้าที่ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นการเฉพาะ แต่กุรอานได้กำชับให้มีคณะบุคคลจำนวนหนึ่งจากบรรดาผู้ศรัทธาออกไปศึกษาวิชาการอิสลามเพื่อเตรียมพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ในการเผยแพร่ศาสนา โองการกล่าวว่า “มิบังควรที่เหล่าผู้ศรัทธาจะกรีฑาทัพ(สู่สมรภูมิ)ทุกคน เหตุใดจึงไม่กรีฑาทัพไปเพียงคณะหนึ่งจากแต่ละกลุ่ม (และเหลือบุคคลที่ยังอยู่ในมะดีนะฮ์)เพื่อจะได้ศึกษาศาสนา(สารธรรมและบทบัญญัติอิสลาม)อย่างลึกซึ้ง และจะได้กำชับสอนสั่งกลุ่มชนของตนเมื่อพวกเขากลับ(จากสมรภูมิ) เพื่อหวังว่าพวกเขาจะยำเกรง”[3] โองการดังกล่าวสื่อว่า จำเป็นต้องมีความพร้อมสรรพด้านวิชาการในการเผยแพร่ศาสนา โดยแต่ละคนมีหน้าที่ในการเผยแพร่ตามความรู้ที่ตนมี ท่านอิมามศอดิก(อ.)กล่าวไว้ว่า “ผู้ที่รายงานฮะดีษของเราจำนวนมาก อันจะสามารถทำให้จิตใจของชีอะฮ์ของเรามั่นคง บุคคลผู้นี้ประเสริฐกว่าผู้บำเพ็ญอิบาดะฮ์ถึงหนึ่งพันคน”[4] การช่วยเหลืออิมามมะฮ์ดีที่สำคัญที่สุดประเภทหนึ่งก็คือ การตอบปัญหาและการปกป้องความเชื่ออันบริสุทธิของชีอะฮ์ให้พ้นจากเหล่าผู้ใส่ไคล้ ผู้ที่หวงแหนศาสนาย่อมจะต้องพร้อมด้วยการศึกษาวิชาการศาสนา เพื่อที่จะสนองความต้องการทางวิชาการและการเผยแพร่ศาสนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ดี การเผยแพร่มิได้จำกัดอยู่เพียงการกล่าวเทศนาหรือการเขียนตำรา ...

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    57910 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    55414 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    40670 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    37594 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    36521 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    32639 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    26832 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    26392 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    26160 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    24297 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...