การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
8623
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/11/09
 
รหัสในเว็บไซต์ fa1390 รหัสสำเนา 18212
คำถามอย่างย่อ
อิมามมะฮ์ดีสมรสแล้วหรือยัง?
คำถาม
อิมามมะฮ์ดีสมรสแล้วหรือยัง?
คำตอบโดยสังเขป

แม้จะเป็นไปได้ว่าท่านอิมามมะฮ์ดี(อ.)อาจมีคู่ครองและบุตรหลาน เนื่องจากภาวะการเร้นกายมิได้จำกัดว่าจะท่านต้องงดกระทำการสมรสอันเป็นซุนนะฮ์แต่อย่างใด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราไม่พบเหตุผลใดๆที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ สันนิษฐานว่าสาเหตุที่ประเด็นดังกล่าวไม่เป็นที่เปิดเผยนั้น อาจเป็นผลพวงมาจากความจำเป็นที่พระองค์ทรงเร้นกายท่านจากสายตาผู้คนนั่นเอง

คำตอบเชิงรายละเอียด

ชีวิตส่วนตัวของท่านอิมามมะฮ์ดี(อ.)นับเป็นประเด็นที่ยากต่อการฟันธงตัดสินอย่างชัดเจน อย่างไรก็ดี สามารถหาข้อสันนิษฐานที่ใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุดโดยพิจารณาจากฮะดีษต่างๆ ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับประเด็นคู่ครองและบุตรธิดาของท่านอิมามมะฮ์ดี(อ.) มีอยู่สามประการด้วยกัน:
ก. ท่านมิได้สมรส
ข. ท่านสมรสแล้ว แต่ไม่มีบุตรหลาน
ค. ท่านสมรสแล้ว และมีบุตรหลาน

หากเห็นด้วยกับข้อสันนิษฐานแรก ย่อมแสดงว่าท่านอิมามไม่ปฏิบัติตามซุนนะฮ์ที่สำคัญของอิสลาม(สมรส) ซึ่งย่อมเป็นเรื่องไม่เหมาะสม
แต่ก็มีการชี้แจงว่า การเร้นกายของอิมามมะฮ์ดีเป็นความสำคัญสุดยอด แต่การสมรสไม่สำคัญเท่า เป็นธรรมดาที่ท่านจะงดสิ่งที่มีความสำคัญระดับทั่วไปเพื่อรักษาไว้ซึ่งสิ่งที่สำคัญสุดยอด อย่างไรก็ดี ข้อชี้แจงนี้ยังไม่แข็งแรงพอ เนื่องจากการเร้นกายและการสมรสสามารถรวมกันได้โดยไม่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง

ส่วนข้อสันนิษฐานที่สอง แม้จะไม่มีข้อโต้แย้งเช่นข้อแรก แต่ก็เกิดปริศนาว่า ภรรยาของท่านมีอายุยืนเช่นท่านหรือท่านสมรสหลายครั้งตามกาลเวลา? เราไม่พบหลักฐานใดๆที่พิสูจน์ถึงประเด็นดังกล่าว เพียงแต่ทราบว่าโดยทั่วไปแล้ว การสมรสหลายครั้งไม่ไช่เรื่องแปลก เนื่องจากการเร้นกายมิได้เป็นข้อจำกัดว่าท่านจะต้องมีคู่ครองที่มีอายุยืนเช่นท่านเท่านั้น ทั้งนี้เพราะมีฮะดีษบางบทอธิบายว่า การเร้นกายของท่านอิมามมะฮ์ดีคือที่ท่านใช้ชีวิตเยี่ยงบุคคลนิรนาม มิไช่เร้นกายในลักษณะล่องหน[1] ฉะนั้นจึงสามารถใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นได้อย่างปกติ เพียงแต่ผู้อื่นไม่ทราบว่าท่านคืออิมามมะฮ์ดี(อ.)

ปริศนาข้างต้นยังเกิดขึ้นในกรณีข้อสันนิษฐานที่สามเช่นกัน อีกทั้งยังมีผู้ที่โต้แย้งว่าข้อที่สามเป็นไปไม่ได้ เหตุเพราะว่าหากท่านอิมามมะฮ์ดี(อ.)มีบุตรหลานจริง บุตรหลานของท่านย่อมเสาะหาพ่อบังเกิดเกล้าอย่างแน่นอน และ ฯลฯ... ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ขัดต่อปรัชญาของการเร้นกายโดยสิ้นเชิง

ส่วนในแง่ของฮะดีษ เรายังไม่สามารถจะพบหลักฐานที่น่าเชื่อถือเพื่อพิสูจน์หนึ่งในข้อสันนิษฐานสามประการข้างต้น
เชคฏูซีรายงานจากอิมามศอดิก(อ.)ว่า "
لایطَّلعُ على موضِعه احدٌ من وُلْدِه ولا غیره"[2] แต่นุอ์มานีรายงานฮะดีษดังกล่าวว่า "لایطلع على موضعه احدٌ من ولى و غیره"[3]

ข้อแตกต่างเช่นนี้ทำให้ไม่อาจจะยึดถือรายงานของเชคฏูซีได้อย่างสนิทใจ ซ้ำหากพิจารณาในแง่คุณภาพสายรายงานและตัวบทฮะดีษแล้ว ต้องถือว่ารายงานของนุอ์มานีน่าเชื่อถือกว่า เนื่องจากรายงานของเชคฏูซีมีคำที่อยู่ในรูปเอกพจน์ทั้งที่ควรจะเป็นพหูพจน์ (แทนที่จะกล่าวว่าบุตรหลานและผู้อื่นนอกเหนือจาก"พวกเขา" กลับกล่าวว่า บุตรหลานและผู้อื่นนอกจาก"เขา") นอกจากเราจะยอมรับข้อสันนิษฐานใดต่อไปนี้:
ก. การใช้สรรพนามเอกพจน์(เขา)ใน "บุตรหลานของเขา" เกิดจากข้อผิดพลาดในการคัดลอกจากต้นฉบับ
ข. ฮะดีษต้องการระบุว่าท่านมีบุตรเพียงคนเดียว
ค. "บุตร"ในที่นี้คืออิสมุ้ลญิ้นส์ (นามทั่วไป
- ไม่เจาะจงว่าเป็นลูกของท่าน)

บางทัศนะเชื่อว่ารายงานของเชคฏูซีเป็นการอุปมาถึงระดับการ"ซ่อนเร้น"สูงสุด ที่ว่า"หาก"ท่านมีบุตรหลาน พวกเขาก็ไม่อาจล่วงรู้สถานที่ของท่าน[4] อันมิได้หมายความว่าท่านมีบุตรหลานจริงๆ
นอกจากนี้หากเราจะมองข้ามความอ่อนด้อยในแง่สายรายงาน ฮะดีษเหล่านี้ก็มิได้บ่งบอกสิ่งใดแก่เราเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ยกตัวอย่างเช่นฮะดีษที่ท่านอิบนิฏอวู้สรายงานจากอิมามริฎอ(อ.)ว่า "
 اللهم اعطه فى نفسه و اهله و ولده و ذریته"[5] หรือฮะดีษจากอิมามศอดิก(อ.)ที่ว่า
"
 کانى ارى نزول القائم فى مسجد السهلة باهله و عیاله"[6]

บางคนเชื่อเรื่อง"เกาะเขียว"ซึ่งอ้างว่าท่านอิมามมะฮ์ดี(อ.)มีบุตรหลานที่ปกครองอยู่ที่นั่นภายใต้การสนับสนุนของท่าน และ...ฯลฯ คงต้องเรียนว่าเรื่องนี้เป็นนิทานปรัมปราเท่านั้น[7] ซึ่งหนักไปทางจินตนาการมากกว่าข้อเท็จจริง

อัลลามะฮ์ มัจลิซีกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า "เนื่องจากฉันไม่พบเรื่องดังกล่าวในตำราที่น่าเชื่อถือ ฉันจึงแยกไว้ในบทอื่น"[8] ส่วนเชค ออฆอโบโซ้รก์ เตหรานี ก็ถือว่าเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องจินตนาการเท่านั้น[9]

สรุปคือ แม้ว่าเป็นไปได้ที่ท่านอิมามมะฮ์ดีจะมีคู่ครองและบุตรหลาน แต่ไม่สามารถหาหลักฐานทางฮะดีษมารองรับได้[10] ในทำนองเดียวกันก็ไม่พบหลักฐานที่ยืนยันได้ว่าท่านอิมาม(อ.)งดกระทำซุนนะฮ์สำคัญนี้(การสมรส)แต่อย่างใด.[11]



[1] ดังที่อิมามศอดิก(.)กล่าวว่า "ศอฮิบุซซะมาน(.)สัญจรในหมู่ผู้คน ก้าวเดินในตลาด บางครั้งก็เข้าร่วมกิจกรรมและนั่งในบ้านของกัลญาณมิตร แต่ไม่มีผู้ใดรู้จักท่าน" หนังสือ อัลฆ็อยบะฮ์ นุอ์มานี, หน้า164

[2] (ไม่มีผู้ใดล่วงรู้สถานที่ของท่าน ไม่ว่าบุตรหลานหรือผู้อื่นที่ไม่ไช่เขา)อัลฆ็อยบะฮ์,เชคฏูซี,หน้า 102

[3] (ไม่มีผู้ใดล่วงรู้สถานที่ของท่าน ไม่ว่ากัลญาณมิตรหรือผู้อื่น)อัลฆ็อยบะฮ์,นุอ์มานี,หน้า 172 และ มุนตะคอบุ้ลอะษัร,หน้า 252 (อ้างใน,อิมามัตและมะฮ์ดะวียัต,ตอบสิบคำถาม,อัตชีวประวัติของท่านอิมามมะฮ์ดี(.),หน้า 54 ) และ อัลอัคบารุดดะคีละฮ์,เล่ม1,หน้า 150 และ ตารีค อัลฆ็อยบะตุลกุบรอ,หน้า 69 (อ้างใน, บทวิจารณ์เรื่อง"เกาะเขียว"ซัยยิด ญะฟัร มุรตะฎอ อามิลี, หน้า 218

[4] ตารีค อัลฆ็อยบะตุลกุบรอ,มุฮัมมัด ศ็อดร์, เล่ม 2, หน้า 65, ห้องสมุดสาธารณะ อมีรุ้ลมุอ์มินีน,อิศฟะฮาน.

[5] ญะมาลุ้ลอุสบู้อ์,อิบนิฏอวู้ส,หน้า 510, (อ้างใน บทวิจารณ์เรื่อง"เกาะเขียว",หน้า 219

[6] บิฮารุ้ลอันว้าร,เล่ม 52,หน้า 317

[7] ศึกษาเพิ่มเติมที่ ดิรอซะฮ์ ฟี อะลามาติซซุฮู้ร วั้ล ญะซีเราะตุ้ล ค็อดรออ์,ซัยยิด ญะฟัร มุรตะฎอ อามิลี,หน้า 263

[8] บิฮารุ้ลอันว้าร,เล่ม 52,หน้า 317

[9] อัซซะรีอะฮ์ อิลา ตะศอนีฟิชชีอะฮ์,เล่ม 5,หน้า 108 ดารุ้ลอัฎวาอ์,เบรุต และ ฏ่อบะกอตุ อะอ์ลามิชชีอะฮ์,ศตวรรษที่แปด, 1145

[10] อิษบาตุ้ลวะศียะฮ์, มัสอูดี,หน้า 201 รายงานจากอิมามริฎอ(.)ว่า หากมีฮะดีษที่รายงานว่าไม่มีอิมามท่านใดสิ้นใจโดยมิได้เห็นบุตรของตน ให้ทราบว่าไม่รวมถึงมะฮ์ดี(.) ดู: อิมามัตและมะฮ์ดะวียัต,ศอฟี โฆลพอยฆอนี,ตอบสิบคำถาม,หน้า 53-56 และ จับตารอคอยอิมามมะฮ์ดี,คณะนักเขียนนิตยสารเฮาซะฮ์,หน้า 351-356, และ บทวิจารณ์เรื่อง"เกาะเขียว",หน้า  217-221

[11] สรุปใจความจากคำถามที่ 208 (อิมามมะฮ์ดี(.),การสมรส,ภูมิลำเนา ฯลฯ)

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • ในทัศนะอิสลาม บาปของฆาตกรที่เข้ารับอิสลามจะได้รับการอภัยหรือไม่?
    8671 สิทธิและกฎหมาย 2554/06/12
    อิสลามมีบทบัญญัติเฉพาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเข้ารับอิสลามอาทิเช่นหากก่อนรับอิสลามเคยละเมิดสิทธิของอัลลอฮ์เช่นไม่ทำละหมาดหรือเคยทำบาปเป็นอาจินเขาจะได้รับอภัยโทษภายหลังเข้ารับอิสลามทว่าในส่วนของการล่วงละเมิดสิทธิเพื่อนมนุษย์เขาจะไม่ได้รับการอภัยใดๆเว้นแต่คู่กรณีจะยอมประนีประนอมและให้อภัยเท่านั้นฉะนั้นหากผู้ใดเคยล่วงละเมิดสิทธิของผู้อื่นเมื่อครั้งที่ยังมิได้รับอิสลามการเข้ารับอิสลามจะส่งผลให้เขาได้รับการอนุโลมโทษทัณฑ์จากอัลลอฮ์ก็จริงแต่ไม่ทำให้พ้นจากกระบวนการพิจารณาโทษในโลกนี้
  • ในเมื่อนบีมูซาสังหารชายกิบฏี แล้วจะเชื่อว่าท่านไร้บาปได้อย่างไร?
    10290 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/08/17
    นบีทุกท่านล้วนเป็นผู้ปราศจากบาปและมีสถานะอันสูงส่งณอัลลอฮ์ (ตามระดับขั้นของแต่ละท่าน) และมีภาระหน้าที่ๆหนักกว่าคนทั่วไปโดยมาตรฐานของบรรดานบีแล้วการให้ความสำคัญต่อสิ่งอื่นนอกเหนืออัลลอฮ์ถือเป็นบาปอันใหญ่หลวงอย่างไรก็ดีนักวิชาการมีคำอธิบายเกี่ยวกับเหตุการณ์สังหารชายชาวกิบฏีหลายทัศนะคำอธิบายที่น่าสนใจที่สุดคือท่านมิได้ทำบาปใดๆเนื่องจากการสังหารชาวกิบฏีในครั้งนั้นไม่เป็นฮะรอมเพราะควรแก่เหตุเพียงแต่ท่านไม่ควรรีบลงมือเช่นนั้นสำนวนในโองการกุรอานก็มิได้ระบุว่าเหตุดังกล่าวคือบาปของท่านดังที่มะอ์มูนถามอิมามริฎอ(อ.)เกี่ยวกับคำพูดของนบีมูซาที่ว่า “นี่คือการกระทำของชัยฏอนมันคือศัตรูผู้ล่อลวงอย่างชัดแจ้ง” หรือที่กล่าวว่า “
  • รายงานฮะดีซกล่าวว่า:การสร้างความสันติระหว่างบุคคลสองคน ดีกว่านมาซและศีลอด วัตถุประสงค์คืออะไร ?
    6903 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2555/05/17
    เหมือนกับว่าการแปลฮะดีซบทนี้ มีนักแปลบางคนได้แปลไว้แล้ว ซึ่งท่านได้อ้างถึง, ความอะลุ่มอล่วยนั้นเป็นที่ยอมรับ, เนื่องจากเมื่อพิจารณาใจความภาษาอรับของฮะดีซที่ว่า "صَلَاحُ ذَاتِ الْبَيْنِ أَفْضَلُ مِنْ عَامَّةِ الصَّلَاةِ وَ الصِّيَام‏" เป็นที่ชัดเจนว่า เจตนาคำพูดของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ต้องการกล่าวว่า การสร้างความสันติระหว่างคนสองคน, ดีกว่าการนมาซและการถือศีลอดจำนวนมากมาย[1] แต่วัตถุประสงค์มิได้หมายถึง นมาซหรือศีลอดเป็นเวลาหนึ่งปี หรือนมาซและศีลอดทั้งหมด เนื่องจากคำว่า “อามะตุน” ในหลายที่ได้ถูกใช้ในความหมายว่า จำนวนมาก เช่น ประโยคที่กล่าวว่า : "عَامَّةُ رِدَائِهِ مَطْرُوحٌ بِالْأَرْض‏" หมายถึงเสื้อผ้าส่วนใหญ่ของเขาลากพื้น[2] ...
  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60837 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ถ้าก่อนที่จะเกิดความถูกต้อง (สงบ) ฝ่ายหนึ่งได้อ้างการบีบบังคับ หรือขู่กรรโชก ถือว่าสิ่งนี้มีผลต่อข้อผูกมัดหรือไม่?
    5983 สิทธิและกฎหมาย 2554/06/21
    ในกรณีนี้บุคคลที่กล่าวอ้างว่าข้อผูกมัด (อักด์) ถูกต้องนั้นมาก่อนแต่ต้องกล่าวคำสาบานด้วยส่วนบุคคลที่กล่าวอ้างว่าได้มีการบีบบังคับหรือกรรโชกขู่เข็ญเกิดขึ้นจำเป็นต้องมีพยานยืนยันด้วย ...
  • สระน้ำเกาษัรคืออะไร?
    14482 การตีความ (ตัฟซีร) 2554/10/22
    “เกาษัร” หมายถึงความดีจำนวนมากมายและมหาศาล หรือตัวอย่างหลายกรณีสามารถกล่าวเพื่อสิ่งนั้นได้ เช่น : สระน้ำและแม่น้ำเกาษัร, ชะฟาอัต, นบูวัต, วิทยปัญญา, ความรู้, ลูกหลานจำนวนมากมาย, ทายาทมาก และ ...เกาษัร มีตัวอย่างสองประการ หนึ่งคือโลกนี้ได้แก่ (ฟาฏิมะฮฺซะฮฺรอ อะลัยฮัสลาม) ส่วนปรโลกคือ (สระน้ำเกาษัร)สระน้ำเกาษัร, คือแห่งน้ำดื่มอันชุ่มชื่นใจแห่งสรวงสวรรค์ ซึ่งมีความกว้างมากซึ่งชาวสวรรค์หลังจากผ่านสนามสอบสวนในวันฟื้นคืนชีพ หลังจากนั้นพวกเขาจะถูกนำตัวเข้าสวรรค์และเข้าไปยังสระน้ำนั้น พวกเขาจะได้ดื่มน้ำจากสระเกาษัรเพื่อดับความกระหาย และจะได้ลิ้มรสความอร่อยอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน. จากสระน้ำเกาษัร, จะมีแม่น้ำอีกสองสายไหลแยกออกไปและจะไหลผ่านอยู่ในสวรรค์นั้น ...
  • มุสลิมะฮ์ท่านใดที่พูดคุยด้วยโองการกุรอานนานหลายปี?
    7642 تاريخ بزرگان 2554/06/11
    มุสลิมะฮ์ท่านนี้ก็คือฟิฎเฎาะฮ์ทาสีของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ซึ่งตำราชั้นนำต่างระบุว่านางพูดคุยด้วยโองการกุรอานนานหลายปี. ...
  • มีหนทางใดบ้างสำหรับรักษาสายตาอันร้ายกาจ?
    8116 چشم زخم و طلسم 2555/07/16
    สายตาอันร้ายกาจเกิดจากผลทางจิตวิญญาณ ซึ่งไม่มีเหตุผลในการปฏิเสธแต่อย่างใด,ทว่ามีเหตุการณ์จำนวนมากมายที่เราได้เห็นกับตาตัวเอง มัรฮูมเชคอับบาส กุมมี (รฮ.) แนะนำให้อ่านโองการที่ 51 บทเกาะลัม เพื่อเยียวยาสายตาอันร้ายกาจ, ซึ่งเมื่อพิจารณาสาเหตุแห่งการประทานลงมาของโองการแล้ว เหมาะสมกับการรักษาสายตาอันร้ายกาจอย่างยิ่ง นอกจากโองการดังกล่าวแล้ว ยังมีรายงานกล่าวเน้นถึง การอ่านอัลกุรอานบทอื่นเพื่อรักษาสายตาอันร้ายกาจไว้อีก เช่น อัลกุรอานบท »นาส« »ฟะลัก« »ฟาติฮะฮฺ« »เตาฮีด« นอกจากนี้ตัฟซีรอีกจำนวนมากยังได้กล่าวเน้นให้อ่านอัลกุรอานบทที่กล่าวมา ...
  • สัมพันธภาพระหว่างศรัทธาและความสงบมั่นที่ปรากฏในกุรอานเกิดขึ้นได้อย่างไร?
    7582 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/03/07
    อีหม่านให้ความหมายว่าการให้การยอมรับ ซึ่งตรงข้ามกับการกล่าวหาว่าโกหก แต่ในสำนวนทั่วไป อีหม่านหมายถึงการยอมรับด้วยวาจา ตั้งเจตนาในใจ และปฏิบัติด้วยสรรพางค์กาย ส่วน “อิฏมินาน” หมายถึงความสงบภายหลังจากความกระวนกระวายใจ ความแตกต่างระหว่างอีหม่านและความสงบมั่นทางจิตใจก็คือ ในบางครั้งสติปัญญาของคนเราอาจจะยอมรับเรื่องใดเรื่องหนึ่งด้วยกระบวนการพิสูจน์เชิงเหตุและผล ทว่ายังไม่บังเกิดความสงบมั่นใจจิตใจ แต่ถ้าลองได้มั่นใจในสิ่งใดแล้ว ความมั่นใจนี้จะนำมาซึ่งความสงบมั่นทางจิตใจในที่สุด มีผู้ถามอิมามริฎอ(อ.)ว่า ท่านนบีอิบรอฮีม(อ.)มีความเคลือบแคลงสงสัยหรืออย่างไร? ท่านตอบว่า “หามิได้ ท่านมีความมั่นใจจริง แต่ทว่าท่านขอให้พระองค์ทรงเพิ่มพูนความมั่นใจแก่ตนเองอีก” ...
  • ชาวอะฮ์ลิสซุนนะฮ์มีทัศนะอย่างไรเกี่ยวกับท่านบิล้าล?
    7458 تاريخ بزرگان 2554/08/08
    หนังสืออ้างอิงทางประวัติศาสตร์ของชาวอะฮ์ลิสซุนนะฮ์กล่าวถึงท่านบิล้าลผู้เป็นอัครสาวกว่าท่านได้รับการไถ่ตัวโดยท่านอบูบักร์ท่านเป็นผู้ศรัทธาที่อดทนต่อการทรมานโดยกาเฟรมุชริกีนและเป็นนักอะซานประจำของท่านนบี(ซ.ล.) อีกทั้งยังเป็นนักต่อสู้เพื่ออิสลามในสมรภูมิต่างๆเคียงข้างท่านนบี(ซ.ล.) ทว่าหลังจากที่นบีละสังขารท่านก็จากเมืองมะดีนะฮ์มุ่งสู่แคว้นชามและเสียชีวิตณที่นั่น ...

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60837 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    58530 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42927 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    40595 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    39558 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34682 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    28763 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28640 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    28624 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    26520 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...