การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
17835
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2556/08/27
 
รหัสในเว็บไซต์ fa1017 รหัสสำเนา 13584
คำถามอย่างย่อ
การประทานอัลกุรอานลงมาคราวเดียวและการทยอยประทานลงมาผ่านพ้นไปตั้งแต่เมื่อใด?
คำถาม
การประทานอัลกุรอานลงมาคราวเดียวและการทยอยประทานลงมาผ่านพ้นไปตั้งแต่เมื่อใด?
คำตอบโดยสังเขป

การประทานอัลกุรอานในคราวเดียวกันบนจิตใจของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อล ) ได้เกิดขึ้นเมื่อค่ำคืนแห่งอานุภาพ (ลัยละตุลก็อดฺร์) อันเป็นหนึ่งในค่ำคืนสำคัญยิ่งแห่งเดือนรอมฏอน และเมื่อได้ศึกษารายงานฮะดีซบางบทและอัลกุรอานบางโองการแล้ว จะเห็นว่ารายงานและโองการเหล่านั้นได้สนับสนุนความเป็นไปได้ดังกล่าวว่า ค่ำคืนแห่งอานุภาพนั้นก็คือ ค่ำคืนที่ 23 ของเดือนรอมฎอน และการประทานอัลกุรอานลงมาในคราวเดียวกันนั้น ได้เกิดขึ้นประมาณ 56 วัน หลังการแต่งตั้งท่านศาสดาอย่างเป็นทางการ

 

ความพิเศษของการประทานทยอยอัลกุรอานลงมา มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันมากมาย แต่ในความแตกต่างเหล่านั้นมีอยู่ 2 ทัศนะที่มีความสำคัญมากกว่าทัศนะอื่น กล่าวคือ

 

1- - การประทานอัลกุรอานแบบทยอยลงมา ได้เริ่มต้นใกล้ๆ กับการแต่งตั้งท่านศาสดา (ซ็อล ) จนกระทั่งสิ้นอายุขัยอันจำเริญของท่านศาสดา ซึ่งทัศนะนี้เป็นทัศนะที่ส่วนใหญ่ให้การยอมรับ ท่านศาสดา (ซ็อล ) ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศาสดาอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 27 เดือนเราะญับ ตรงกับเดือน กุมภาพันธ์ .. 610 และได้อำลาจากโลกไปเมื่อวันที่ 28 เดือนเซาะฟัร ปี .. ที่ 11

 

2 - - ช่วงเวลาใกล้กับการแต่งตั้งท่านศาสดา (ซ็อล ) นั้น ได้มีโองการสองสามโองการถูกประทานลงมา แต่การประทานแบบทยอยลงมาในรูปแบบของคัมภีร์แห่งฟากฟ้า ได้เริ่มต้นอย่างจริงจังหลังจากการแต่งตั้งศาสดาผ่านพ้นไปแล้ว 3 ปี โดยเริ่มต้นจำคำคืนแห่งอานุภาพไปจนสิ้นอายุขัยอันจำเริญของท่านศาสดา

 

ด้วยเหตุผลนี้เอง ถ้าหากพิจารณาถึงยุคสมัยปัจจุบันที่เรามีชีวิตอยู่ สามารถคำนวณได้เองนับตั้งแต่ปีแรกที่อัลกุรอานถูกประทานลงมาจนถึงปัจจุบันนี้ เป็นระยะเวลานานเท่าใดแล้ว 

คำตอบเชิงรายละเอียด

ประเด็นเกี่ยวกับการประทานลงมาในคราวเดียวกันนั้น เรารู้ได้เพียงว่าถูกประทานลงมาในค่ำคืนอานุภาพ[1] และจากการที่อัลกุรอานกล่าวว่า[2] เดือนรอมฎอนเป็นเดือนที่อัลกุรอานได้ถูกประทานลงมา ขณะที่ค่ำคืนแห่งอานุภาพ (ลัยละตุลก็อดฺร์) ก็อยู่ในเดือนรอมฎอน

 

แต่ค่ำคืนแห่งอานุภาพเป็นค่ำคืนใดในเดือนรอมฏอนนั้น ไม่มีผู้ใดรู้ชัดแจ้งแน่นอนว่าเป็นคืนใด ซึ่งจะเห็นว่มีทัศนะที่แตกต่างกันเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวนี้[3] แต่มีความเป็นไปได้จากทัศนะที่มีอยู่นี้จะเห็นว่า ค่ำคืนที่ 23 ของเดือนรอมฏอนเป็นค่ำคืนแห่งอานุภาพนั้น มีความเป็นไปได้สูงมาก เนื่องจากรายงานฮะดีซและอัลกุรอานหลายโองการได้สนับสนุนแนวคิดนี้[4]

 

แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีสิ่งใดระบุได้ชัดเจนว่า ปีใดหรือที่สิ่งนี้ได้เกิดขึ้น แต่สามารถกล่าวได้เพียงว่า แม้ว่าค่ำคืนแห่งอานุภาพนี้จะเป็นค่ำคืนที่อัลกุรอานได้ถูกประทานลงมาแล้ว ยังเป็นค่ำคืนแห่งการขึ้นมิอฺรอจญ์ของท่านศาสดา (ซ็อล ) อีกด้วย เนื่องจากอัลกุรอานนั้นบันทึกอยู่ในเลาฮุนมะฟูซ  พระผู้อภิบาล[5] มนุษย์ตราบที่ยังไม่ได้ขึ้นมิอ์รอจญ์ เขาก็จะไม่ได้รับอัลกุรอานที่บันทึกอยู่ในแผ่นบันทึก  พระผู้อภิบาล[6] จากตรงนี้เข้าใจได้ว่าการประทานอัลกุรอานลงมาในคราวเดียวกันนั้น อยู่ในช่วงเวลาที่ท่านศาสดาได้ไปถึงยังระดับดังกล่าวแล้ว ด้วยเหตุนี้ จึงสามารถกล่าวได้ว่าการประทานอัลกุรอานลงมาในคราวเดียวกันนั้น ถูกประทานในปีแรกของการได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศาสดา กล่าวคือประมาณ 56 วันหลังจากหลังการแต่งตั้ง

 

จำนวนดังกล่าวได้คำนวณจากวันแห่งการแต่งตั้งท่านศาสดา (ซ็อล ) ซึ่งตรงกับวันที่ 27 เดือนเราะญับ และค่ำคืนแห่งอานุภาพ (ลัยละตุลก็อดฺร์) ตรงกับวันที่ 23 เดือนรอมฏอน และโดยประมาณแล้วเดือนหนึ่งมี 30 วัน ดังนั้น เหตุการณ์ดังกล่าวจึงเกิดขึ้นหลังจาก 56 วันผ่านไปแล้ว

 

ความพิเศษของการประทานแบบทยอยลงมานั้น[7] ใกล้กับการแต่งตั้งท่านศาสดา แต่เนี่องจากมีความเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับวันแต่งตั้งท่านศาสดา[8] ทำให้วันนี้แตกต่างกันไปด้วย

 

ทัศนะทั่วไปที่ว่าท่านศาสดา (ซ็อล ) ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศาสดาเมื่อวันจันทร์ ที่ 27 เดือนเราะญับ ตรงกับวันที่ 1 เดือนกุมภาพันธ์ ปี .. 610[9] ในเวลานั้นอัลกุรอาน 5 โองการแรกของบทอัลอะลัก ได้ถูกประทานลงมาแก่ท่านศาสดา (ซ็อล ) [10] หลังจากนั้นอัลกุรอานโองการอื่นๆ ก็ได้ถูกทยอยประทานลงมา ตราบจนสิ้นอายุขัยของท่านศาสดา (ซ็อล ) ซึ่งรวมระยะเวลาได้ประมาณ 23 ปีเต็ม

 

บางกลุ่มมีความเชื่อว่า ช่วงเวลาของการแต่งตั้งท่านศาสดา (ซ็อล ) กับช่วงเวลาของการประทานอัลกุรอานแบบทยอยลงมา ในฐานะที่เป็นคัมภีร์แห่งฟากฟ้านั้นมีความแตกต่างกัน ตามทัศนะของพวกเขาแม้ว่าในช่วงแรกของการแต่งตั้งจะมีอัลกุรอานถูกประทานลงมา 5 โองการก็ตาม แต่ในช่วงนั้นท่านศาสดาไม่มีหน้าที่เผยแพร่ต่อหน้าสาธารณชน ท่านมีหน้าที่เชิญชวนแบบลับๆ แต่หลังจากเวลาผ่านพ้นไปประมาณ 3 ปี ได้มีบัญชาให้ท่านเชิญชวนแบบเปิดเผยต่อสาธารณชน[11] นับตั้งแต่ช่วงเวลานั้นเป็นต้นไปอัลกุรอาน ในฐานะคัมภีร์แห่งฟากฟ้าก็ได้ถูกทยอยประทานลงมา ดังนั้น แม้ว่าการแต่งตั้งท่านศาสดาให้เป็นศาสดาได้เกิดขึ้นในช่วงเดือนเราะญับก็ตาม แต่อัลกุรอานได้ทยอยประทานลงมาหลังจากนั้น 3 ปีไปแล้ว ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ค่ำคืนแห่งอานุภาพ ของเดือนรอมฏอนเป็นต้นไป[12]

 

ทัศนะที่สนับสนุนทัศนะดังกล่าวนี้คือ รายงานฮะดีซที่กล่าวว่า ช่วงเวลาของการประทานอัลกุรอานคือ 23 ปี[13] ด้วยเหตุผลนี้เองทัศนะและความเชื่อ[14] ที่ว่าช่วงเวลาของการประทานอัลกุรอาน แบบทยอยลงมาในฐานะของคัมภีร์แห่งฟากฟ้านั้น ได้เริ่มต้นจริงในปีที่ 4 ของการได้รับการแต่งตั้ง กล่าวคือ ประมาณ 3 ปีกับ 56 วันหลังการแต่งตั้งและยาวนานไปจนถึงการสิ้นอายุขัยของท่านศาสดา (ซ็อล ) ซึ่งตรงกับวันที่ 28 เดือนเซาะฟัร ปี .. ที่ 11

 

สรุป ตราบจนถึงปัจจุบันนี้ ตรงกับปี .. ที่ 1431 นับตั้งแต่การอพยพครั้งแรก และรวมกับอีก 13 ปีก่อนการอพยพ ถ้าสมมุติว่าถือตามทัศนะแรก โองการแรกที่ได้ประทานลงมาก็ประมาณ 1440 กว่าปีของปีฮิจญ์เราะศักราช แต่ถ้าถือตามทัศนะที่สอง โองการแรกที่ถูกประทานลงมาตราบจนถึงปัจจุบัน ก็ประมาณ 1437 กว่าปี

 

จากรายงานของนักประวัติศาสตร์บางคน ช่วงเวลาของการแต่งตั้งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เดือนกุมภาพันธ์ ปี .. ที่ 610 และนับตั้งแต่บัดนั้นจวบจนถึงปัจจุบันคือ .. 2012 เราสามารถคำนวณนับได้ด้วยตัวเองว่า ช่วงเวลาของการประทานอัลกุรอานโองการแรก จวบจนถึงปัจจุบันเป็นเวลานานกี่ปีแล้ว 

 

 

[1] อัลกุรอาน บทดุคอน โองการ 3 บทก็อดร์ โองการ 1 สำหรับการศึกษาเพิ่มเติม โปรดศึกษาได้จาก ตัฟซีรอัลมีซาน เล่ม 8 หน้า 130-134 เล่ม 2 หน้า 14 -23 เล่ม 13 หน้า 220-221

[2]  อัลกุรอาน บทบะเกาะฮฺ 185 กล่าวว่า เดือนรอมะฎอนนั้นเป็นเดือนที่อัลกุรอานได้ถูกประทานลงมาเป็นการชี้นำสำหรับ มนุษย์และเป็นหลักฐานอันชัดเจนเกี่ยวกับการชี้นำนั้น

[3]  ตารีคฏ็อบรีย์ เล่ม 2 หน้า 300 ซีเราะฮฺอิบนุฮิชาม เล่ม 1 หน้า 236,239, 240 อายะตุลลอฮฺ มะอฺริฟัต อัตตัมฮีด ฟีอุลูมิลกุรอาน หน้า 100,129,อายะตุลลอฮฺ คูอีย์ อับบะยาน เล่ม 1 หน้า 244, มัจญฺมะอุลบะยาย เล่ม 9 หน้า 61, เล่ม 10 หน้า 518, 520, ตารีคอบิลฟิดาอ์ เล่ม 1 หน้า 115, ตารีคยะอฺกูบบีย์ เล่ม 2 หน้า 17, เชคฏูซีย์ อัตติบยาน เล่ม 9 หน้า 224 มุฮัมมัด บิน ญะรีร ฏ็อบรีย์ ญามิอุลบะยาน เล่ม 25 หน้า 107 และ 108, ตัฟซีร อัลมีซาน เล่ม 2 หน้า 29

[4]  วะซาอิลุชชีอะฮฺ หมวด 32 อะฮฺกามเดือนรอมฏอน เล่ม 7 หน้า 262 ฮะดีซที่ 16, คิซอลซะดูก เล่ม 2 หน้า 102 มุฮัมมัดบากิร ฮุจญฺตีย์ ประวัติอัลกุรอาน หน้า 38 - 62

[5]  อัลกุรอาน บทซุครุฟ โองการ 4 แท้จริงอัลกุรอานนั้นอยู่ในกระดานที่ถูกพิทักษ์  เรา คือสูงส่งพรั่งพร้อมด้วยปรัชญา

[6]  อายะตุลลอฮฺ ญะวาดีย์ ตัฟซีรเมาฎูอีย์ เล่ม 3 หน้า 153- 139

[7]  อัลกุรอาน บทอัสรอ โองการ 106, บทฟุรกอน โองการ 32, บท มุฮัมมัด โองการ 20, บทเตาบะฮฺ โองการ 127, สำหรับการศึกษาเพิ่มเติมโปรดศึกษาได้จากตัฟซีร อัลมีซาน เล่ม 2 หน้า 14 - 23

[8]  ตารีคยะอฺกูบีย์ เล่ม 2 หน้า 17 ตารีค อัลเคาะมีส เล่ม 1 หน้า 280, 281 ตารีคอบิลฟะดาอ์ เล่ม 1 หน้า 115

[9]  ประวัติอัลกุรอาน หน้า 36, บิฮารุลอันวาร เล่ม 18 หน้า 189, ฮะดีซที่ 21 ฟุรูคกาฟีย์ เล่ม 4 หน้า 149 ฮะดีซที่ 1 และ 2 วะซาอิลุชชีอะฮฺ เล่ม 7 หน้า 329 หมวดที่ 15 บาบศีลอดมุสตะฮับ ซีเราะตุลฮะละบี เล่ม 1 หน้า 238 อัตตัมฮีด ฟี อุลูมมิลกุรอาน หน้า 100 - 107

[10] บิฮารุลอันวาร เล่ม 18 หน้า 206 ฮะดีซ 36

[11]  อัลกุรอาน บทอัลฮิจญฺร์ โองการ 94, ตัฟซีรกุมมี หน้า 533, บิฮารุลอันวาร เล่ม 18 หน้า 53 ฮะดีซที่ 7 หน้า 179 ฮะดีซที่ 10 หน้า 177 ฮะดีซที่ 4 หน้า 193 ฮะดีซที่ 29 ตารีคยะอ์กูบีย์ เล่ม 1 หน้า 343, อัซซีเราะฮฺ อิบนุฮิชาม เล่ม 1 หน้า 280, อัลมะนากิบ เล่ม 1 หน้า 40 เชคฏูซีย์ อัลฆัยบะฮฺ หน้า 217

[12]  มัจญฺมะอุลบะยาน เล่ม 2 หน้า 276 อัลอิตติกอน เล่ม 1 หน้า 40 ตัฟซีรกะบีร อิมามรอซีย์ เล่ม 5 หน้า 85, อัลมะนากิบ เล่ม 1 หน้า 150 เชคมุฟีด ชัรฮฺอะกออิด ซะดูก หน้า 58, ซัยยิดมุรตะฎอ ฟี ญะวาบิลมะซาอิล อัฏรอบิซิยาติล อัซซาละซะฮฺ หน้า 403 - 405

[13]  อุซูลกาฟีย์ เล่ม 2 หน้า 628 ฮะดีซที่ 6 ตัฟซีรอะยาชีย์ เล่ม 1 หน้า 80 ฮะดีซที่ 184, ซะดูก อัลอิอ์ติกอดาต หน้า 101, บิฮารุลอันวาร เล่ม 18 หน้า 250, ฮะดีซที่ 3 และหน้า 253, อัลอิตติกอน เล่ม 1 หน้า 40,45 ตัฟซีรชุบัร หน้า 350, มุสตัดร็อกอัลฮากิม เล่ม 2 หน้า 610, อัสบาบุลนุซูล หน้า 3 อัลบิดายะฮฺ วันนิฮายะฮฺ เล่ม 3 หน้า 4 ตารีคยะอฺกูบีย์ เล่ม 2 หน้า 18

 

[14]  สำหรับการศึกษาเพิ่มเติม โปรดศึกษาได้จากหนังสือ อัตตัมฮีด ฟี อุลูมิลกุรอาน หน้า 100 - 129

 

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

คำถามสุ่ม

  • มีวิธีใดบ้างในการชำระบาป
    9679 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/21
    วิธีแสวงหาการอภัยโทษจากอัลลอฮ์มีหลายวิธีด้วยกันอาทิเช่น1.เตาบะฮ์หรือการกลับตนเป็นคนดี (ตามเงื่อนไขที่กำหนด)2. ประกอบกุศลกรรมที่ยิ่งใหญ่อันจะสามารถลบล้างความผิดบาปได้3. สงวนใจไม่ทำบาปใหญ่ (กะบีเราะฮ์) ซึ่งจะส่งผลให้ได้รับการผ่อนปรนบาปเล็ก4. อดทนต่ออุปสรรคยากเข็ญในโลกนี้รวมทั้งการชำระโทษในโลกแห่งบัรซัคและทนทรมานในการลงทัณฑ์ด่านแรกๆของปรโลก
  • ตามทัศนะของท่านอายะตุลลอฮฺ อัลอุซมา อะลี คอเมเนอี การปรากฏตัวของสตรีที่เสริมสวยแล้ว (ถอนคิว,เขียนตาและอื่นๆ) ต่อหน้าสาธารณชน ท่ามกลางนามะฮฺรัมทั้งหลาย ถือว่าอนุญาตหรือไม่? และถ้าเสริมสวยเพียงเล็กน้อย มีกฎเกณฑ์ว่าอย่างไรบ้าง?
    10061 หลักกฎหมาย 2556/01/24
    คำถามข้อ 1, และ 2. ถือว่าไม่อนุญาต ซึ่งกรณีนี้ไม่มีความแตกต่างกันในเรื่องอุปกรณ์ที่ใช้เสริมสวย คำถามข้อ 3. ถ้าหากสาธารณถือว่านั่นเป็นการเสริมสวย ถือว่าไม่อนุญาต[1] [1] อิสติฟตาอาต จากสำนักฯพณฯท่านอายะตุลลอฮฺ อัลอุซมา คอเมเนอี (ขออัลลอฮฺทรงปกป้อง) ...
  • บรรดามลาอิกะฮฺมีอายุขัยนานเท่าใด ?มลาอิกะฮฺชั้นใกล้ชิดต้องตายด้วยหรือไม่? เป็นอย่างไร?
    14537 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/09/25
    ตามรายงานกล่าวว่ามวลมลาอิกะฮฺถูกสร้างหลังจากการสร้างรูฮฺของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) และบรรดาอิมาม (อ.) พวกเขาทั้งหมดแม้แต่ญิบรออีล,
  • การทำความผิดซ้ำซาก เป็นให้ถูกลงโทษรุนแรงหรือ?
    11162 จริยธรรมปฏิบัติ 2555/08/22
    การทำความผิดซ้ำซากมีความหมาย 2 อย่าง กล่าวคือ 1-ทำความผิดซ้ำบ่อยครั้ง, 2- กระทำผิดโดยไม่ได้คิดลุแก่โทษ หรือไม่เคยกลับตัวกลับใจ การทำความผิดซ้ำซากนั้น จะมีผลติดตามมาซึ่งหนักหนาสาหัสมาก ทั้งโองการอัลกุรอานและรายงานฮะดีซ ได้กล่าวตำหนิไว้อย่างรุนแรง และยังได้กล่าวเตือนอีกว่าผลของการกระทำความผิดนั้น เช่น การเปลื่ยนจากความผิดเล็กเป็นความผิดใหญ่, การออกนอกวงจรของผู้มีความสำรวมตน, ความอับโชคเฮงซวยทั้งหลาย, อิบาดะฮฺไม่ถูกตอบรับ, ลากพามนุษย์ไปสู่เขตแดนของผู้ปฏิเสธศรัทธาและพระเจ้า และ ... หนึ่งในผลของการทำความผิดซ้ำซากคือ การได้รับโทษทัณฑ์อันรุนแรงทั้งโลกนี้และโลกหน้า เหมือนกับบุคคลที่ได้ทำบาปใหญ่ ถ้าเป็นครั้งที่สองเขาจะถูกลงโทษและถูกเฆี่ยนตี ถ้าเป็นครั้งที่สามประหารชีวิต ...
  • เมื่อสามีและภรรยาหย่าขาดจากกัน ใครคือผู้มีสิทธิในการเลี้ยงดูบุตร?
    12473 สิทธิและกฎหมาย 2554/08/17
    ในทัศนะของอิสลามบิดามีหน้าที่จะต้องจ่ายนะฟาเกาะฮ์ (ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดู) แก่บุตรทุกคนแต่ทว่าสิทธิในการดูแลและอบรมเลี้ยงดูบุตรนั้นแตกต่างกันไปตามอายุและเพศของลูกๆท่านอิมามโคมัยนีได้ให้คำตอบเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่า “มารดาถือครองสิทธิในการดูแลเลี้ยงดูบุตรชายจนถึงอายุ๒
  • มีบทบัญญัติทางฟิกเกาะฮ์ในสวรรค์หรือไม่?
    6689 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    ก่อนอื่นต้องคำนึงเสมอว่าเราไม่สามารถล่วงรู้ถึงสภาวะของปรโลกและสวรรค์-นรกได้นอกจากจะศึกษาจากวะฮยู (กุรอาน)และคำบอกเล่าของเหล่าผู้นำศาสนาที่ได้รับการยืนยันความน่าเชื่อถือเสียก่อน.แม้ตำราทางศาสนาจะไม่ได้ระบุคำตอบที่ชัดเจนสำหรับคำถามดังกล่าวแต่จากการพิจารณาถึงข้อคิดที่ระบุไว้ในตำราทางศาสนาก็สามารถกล่าวได้ว่าในสวรรค์ไม่มีบทบัญญัติและกฏเกณฑ์จำเพาะใดๆอีกต่อไปหรือหากมีก็ย่อมแตกต่างจากข้อบังคับต่างๆในโลกนี้ทั้งนี้ก็เพราะการบังคับใช้บทบัญญัติของพระเจ้าในสังคมมนุษย์มีไว้เพื่อสร้างเสริมให้มนุษย์บรรลุถึงความเจริญและความสมบูรณ์สูงสุดซึ่งก็เป็นผลจากการปฏิบัติหน้าที่ทางศาสนาในโลกนี้นั่นเอง
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    56843 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • อิมามฮะซัน มุจญฺตะบา (อ.) ได้สมรสกับหญิงหลายคน และหย่าพวกนางหรือ?
    7103 ชีวประวัติมะอฺซูม (อ.) 2555/08/22
    หนึ่งในประเด็น อันเป็นความเสียหายใหญ่หลวง และน่าเสียใจว่าเป็นที่สนใจของแหล่งฮะดีซทั่วไปในอิสลาม, คือการอุปโลกน์และปลอมแปลงฮะดีซ โดยนำเอาฮะดีซเหล่านั้นมาปะปนรวมกับฮะดีซที่มีสายรายงานถูกต้อง โดยกลุ่มชนที่มีความลำเอียงและรับจ้าง ท่านอิมามฮะซัน มุจญฺตะบา (อ.) เป็นอิมามผู้บริสุทธิ์ท่านที่สอง, เป็นหนึ่งในบุคคลที่บรรดานักปลอมแปลงฮะดีซ ได้กุการมุสาพาดพิงไปถึงท่านอย่างหน้าอนาถใจที่สุด ในรูปแบบของรายงานฮะดีซ ซึ่งหนึ่งในการมุสาเหล่านั้นคือ การแต่งงานและการหย่าร้างจำนวนมากหลายครั้ง แต่หน้าเสียใจตรงที่ว่า รายงานเท็จเหล่านี้บันทึกอยู่ในแหล่งอ้างอิงฮะดีซและหนังสือประวัติศาสตร์ ทั้งซุนนียฺและชีอะฮฺ แต่ก็หน้ายินดีว่าหลักฐานทางประวัติศาสตร์ หลักความเชื่อที่ถูกต้องมีอยู่อยู่มือจำนวนไม่น้อยเช่นกัน ซึ่งทำให้การอุปโลกน์และปลอมแปลงฮะดีซของพวกเขาเป็นที่ประจักษ์ชัดเจน ...
  • ท่านอับบาสอ่านกลอนปลุกใจว่าอย่างไรขณะกำลังนำน้ำมา
    8700 ชีวประวัตินักปราชญ์ 2554/12/25
    คำถามนี้ไม่มีคำตอบแบบสั้น ปรดเลือกปุ่มคำตอบที่สมบูรณ์ ...
  • เหตุใดอิสลามต้องบริหารโดยบรรดาฟุกอฮาอ์?
    5599 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/09/11
    อิสลามเป็นศาสนาสุดท้ายบทบัญญัติต่างๆของอิสลามล้วนมีลักษณะถาวรและดังที่อิสลามสามารถตอบโจทก์ได้ในอดีตก็ย่อมจะต้องตอบทุกโจทก์ในอนาคตได้เช่นกัน อีกด้านหนึ่งนับวันก็ยิ่งจะมีปัญหาใหม่ๆเกิดขึ้นรายวันซึ่งล้วนไม่เคยเกิดขึ้นในอดีตเมื่อต้องพิจารณาปัญหาใหม่ๆโดยอ้างอิงหลักการที่เปรียบเสมือนกฏหมายแม่อิสลามจึงกำหนดวิธีการเฉพาะกิจโดยให้เป็นหน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญปัญหาศาสนาที่รู้ทันสถานการณ์โลกทำการค้นหาคำตอบสำหรับปัญหาต่างๆโดยจะต้องสอดคล้องกับเงื่อนไขและความจำเป็นต่างๆของสังคมและประชาคมโลกเพื่อให้ได้มาซึ่งปรัชญา

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    59391 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    56843 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    41673 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    38424 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    38418 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    33450 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    27540 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    27235 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    27133 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    25207 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...