การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
10537
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/09/04
 
รหัสในเว็บไซต์ fa1293 รหัสสำเนา 16376
คำถามอย่างย่อ
มะลาอิกะฮ์แห่งความตายจะปลิดวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทุกประเภทหรือไม่?
คำถาม
มะลาอิกะฮ์แห่งความตายจะปลิดวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทุกประเภทหรือไม่?
คำตอบโดยสังเขป

เมื่อพิจารณาถึงนัยยะที่ค่อนข้างกว้างของฮะดีษต่างๆ ทำให้เข้าใจได้ว่ามะลาอิกะฮ์แห่งความตาย(อิซรออีล)คือหัวหน้าของเหล่านักเก็บวิญญาณ ซึ่งจะเก็บวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด
ที่สำคัญคือต้องทราบว่าอัลลอฮ์คือผู้บัญชาการเก็บวิญญาณทั้งหมด ซึ่งโดยจารีตของพระองค์แล้ว จะทรงกระทำผ่านสื่อกลาง ซึ่งอาจจะเป็นมะลาอิกะฮ์แห่งความตาย หรือมะลาอิกะฮ์อื่นๆ

คำตอบเชิงรายละเอียด

กุรอานกล่าวไว้ว่าอัลลอฮ์จะทรงเก็บวิญญาณเมื่อความตายมาเยือน[1]
อัลลอฮ์ทรงระบุว่าพระองค์ทรงเก็บวิญญาณ และในทางไวยากรณ์อรับ การที่คำว่าอัลลอฮ์ขึ้นหน้าคำว่ายะตะวัฟฟา”(เก็บ)นั้น สื่อถึงการจำกัด หมายความว่าอัลลอฮ์เท่านั้นที่เป็นผู้เก็บวิญญาณ มิไช่ผู้อื่น[2]
ในขณะเดียวกัน โองการอื่นๆก็บ่งชี้ว่าอัลลอฮ์ทรงบริหารจัดการโลกนี้ผ่านมะลาอิกะฮ์กลุ่มหนึ่ง ดังที่โองการที่5 ซูเราะฮ์ อันนาซิอ้าต กล่าวไว้ว่าขอสาบานต่อเหล่ามะลาอิกะฮ์ที่จัดการกิจการต่างๆ
จารีตของพระองค์ลิขิตว่ากิจการต่างๆจะต้องดำเนินไปตามกลไกเฉพาะตัว
ด้วยเหตุนี้เองที่มีมะลาอิกะฮ์กลุ่มหนึ่งปฏิบัติภารกิจเก็บวิญญาณ[3] ซึ่งนำโดยมะลาอิกะฮ์แห่งความตาย(มะลิกุ้ลเมาต์)[4]
กุรอานได้กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ว่าจงกล่าวเถิด มะลิกุ้ลเมาต์ที่ได้รับหน้าที่เกี่ยวกับสูเจ้า จะเก็บชีวิตสูเจ้า...”[5] และและเมื่อความตายมาเยือนสูเจ้าสักคนหนึ่ง (ยม)ทูตของเราจะเก็บชีวิตเขา...”[6] หากนำสองโองการนี้มาประกอบกันจะทำให้เข้าใจได้ว่าการเก็บชีวิตเป็นกิจของอัลลอฮ์เท่านั้น มิไช่ผู้อื่น ซึ่งจะทรงบัญชาการผ่านมะลิกุ้ลเมาต์ และมะลิกุ้ลเมาต์ก็บัญชาเหล่ามะลาอิกะฮ์ทูตความตายอีกทอดหนึ่ง[7] สรุปคือ ทุกกิจการในโลกล้วนอยู่ในการควบคุมของพระองค์ โดยที่บรรดามะลาอิกะฮ์เป็นเพียงผู้ปฏิบัติงานเท่านั้น

รายงานว่ามีผู้ถามอิมามศอดิก(.)ว่า จากการที่กุรอานกล่าวว่าอัลลอฮ์จะทรงเก็บวิญญาณเมื่อความตายมาเยือนอีกโองการกล่าวว่าจงกล่าวเถิด มะลิกุ้ลเมาต์ที่ได้รับหน้าที่เกี่ยวกับสูเจ้า จะเก็บชีวิตสูเจ้า...” และมีโองการหนึ่งกล่าวว่า“...ผู้ที่เหล่ามะลาอิกะฮ์เก็บวิญญาณของพวกเขา...)[8] และอีกโองการระบุว่า“(ยม)ทูตของเราจะเก็บชีวิตเขา...” และทั้งๆที่มีคนตายทั่วโลกนับหมื่นนับแสนคนในเวลาเดียวกัน จะเป็นไปได้อย่างไรที่มะลิกุ้ลเมาต์จะเก็บวิญญาณของผู้ตายพร้อมกันทั้งหมด?
ท่านอิมามตอบว่าอัลลอฮ์ได้กำหนดให้มีมะลาอิกะฮ์ภายใต้การบังคับบัญชาของมะลิกุ้ลเมาต์ ซึ่งรับคำสั่งจากเขาให้ปฏิบัติภารกิจทั่วทุกหนแห่ง ฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่าทั้งมะลิกุ้ลเมาต์ และมะลาอิกะฮ์ต่างเป็นผู้เก็บวิญญาณทั้งสิ้น เมื่อนั้นพระองค์จึงรับมอบวิญญาณจากมะลิกุ้ลเมาต์อีกทอดหนึ่ง[9]

มีชายหัวรั้นคนหนึ่งกล่าวตำหนิกุรอานต่อหน้าท่านอิมามอลี(.)ว่า กุรอานมีเนื้อหาที่ขัดกันเอง เนื่องจากโองการหนึ่งระบุว่าอัลลอฮ์เก็บวิญญาณ อีกโองการหนึ่งระบุว่ามะลิกุ้ลเมาต์ทำหน้าที่ดังกล่าว อีกโองการหนึ่งระบุว่ามะลาอิกะฮ์กลุ่มหนึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่ท่านอิมามอลี(.)ตอบว่ามะลิกุ้ลเมาต์มีคณะมะลาอิกะฮ์แห่งเมตตาและการลงทัณฑ์เป็นผู้ช่วยเหลือ โดยทำหน้าที่อันนับได้ว่าเป็นผลงานของมะลิกุ้ลเมาต์ด้วย และภารกิจของมะลิกุ้ลเมาต์ก็ขึ้นตรงต่อพระองค์ ทั้งนี้เนื่องจากพระองค์จะเก็บวิญญาณตามพระประสงค์ และดำเนินกิจต่างๆเช่นการประทาน การระงับ การตอบแทน การลงทัณฑ์ ผ่านสื่อกลางที่พระองค์ประสงค์ แน่นอนว่าการกระทำของผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาย่อมนับเป็นการกระทำของพระองค์ได้เช่นกัน ดังที่พระองค์กล่าวว่า สูเจ้ามิอาจจะมีความจำนงใดเว้นแต่พระองค์ทรงประสงค์[10],[11]

กล่าวคือ แม้ในกรณีที่มะลิกุ้ลเมาต์มิได้เก็บวิญญาณเอง แต่ก็สามารถนับว่าเป็นผลงานของมะลิกุ้ลเมาต์และกิจของอัลลอฮ์ได้ เนื่องจากเหตุปัจจัยต่างๆในการนี้ล้วนได้รับอำนาจจากอัลลอฮ์และอยู่ภายใต้การบริหารของพระองค์ทั้งสิ้น และทุกเหตุปัจจัยที่นอกเหนือจากมะลิกุ้ลเมาต์ก็อยู่ภายใต้การบัญชาของมะลิกุ้ลเมาต์อีกทอดหนึ่ง ซึ่งนอกจากจะกล่าวได้ว่าเป็นผลงานของผู้ปฏิบัติการแล้ว ก็ยังสามารถถือเป็นผลงานของสื่อกลาง และผู้ออกคำสั่งสูงสุดได้อีกด้วย เช่นเดียวกับกรณีชัยชนะในสงคราม ซึ่งสามารถกล่าวได้ว่าเป็นผลงานของพลทหาร ประชาชน ผู้บัญชาการระดับย่อย ตลอดจนผู้บัญชาการสูงสุดได้ทั้งสิ้น

ทีนี้เรามาดูกันว่า ผู้ใดทำหน้าที่ปลิดชีวิตสิ่งมีชีวิตอื่นๆที่ไม่ไช่มนุษย์?
ท่านอมีรุ้ลมุอ์มินีน อลี(.) กล่าวไว้ว่า “...จงรู้เพียงว่า อัลลอฮ์เป็นผู้ให้ชีวิตและเก็บชีวิต พระองค์ทรงเรียกคืนชีวิตผ่านผู้ปฏิบัติการ ซึ่งอาจเป็นมะลาอิกะฮ์หรือไม่ก็ได้[12]
ฉะนั้น สำคัญที่จะต้องทราบว่าอัลลอฮ์กระทำการโดยผ่านผู้ปฏิบัติการที่อาจจะเป็นมะลาอิกะฮ์หรือผู้ปฏิบัติการประเภทอื่นๆ

ฮะดีษที่น่าสนใจอีกบทหนึ่งมีอยู่ว่า ขณะที่ท่านนบีอยู่ในช่วงอิสรออ์เมี้ยะอ์รอจ ท่านได้ถามมะลิกุ้ลเมาต์ว่าท่านเป็นผู้เก็บวิญญาณของผู้ตายทั้งอดีตและอนาคตกระนั้นหรือ?” มะลิกุ้ลเมาต์ตอบว่าใช่แล้ว... โลกทั้งโลก และทุกสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงมอบอำนาจแก่ฉันนั้น เปรียบเสมือนเหรียญที่พลิกไปมาในมือของฉัน และฉันจะตรวจดูทุกบ้านในโลกถึงห้าครั้งต่อวัน (เพื่อให้รู้ว่าผู้อาศัยในบ้านนมาซตรงเวลาหรือไม่)[13]
จากความหมายที่เปิดกว้างของฮะดีษข้างต้นทำให้สันนิษฐานได้ว่า มะลิกุ้ลเมาต์จะเก็บชีวิตของทุกสิ่งมีชีวิตในโลก แม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตที่มิไช่มนุษย์

ดัชนีที่เกี่ยวข้อง
คำถามที่, ดัชนี อายุขัยและความตายของมะลาอิกะฮ์
คำถามที่, การหลับและความตายของจิตมนุษย์
คำถามที่, ชัยฏอนและความตาย.

 



[1] ซูเราะฮ์อัซซุมัร, 42 : اللَّهُ یَتَوَفىَّ الْأَنفُسَ حِینَ مَوْتِهَا

[2] ตัฟซี้รอัลมีซานฉบับแปล,มุฮัมมัดฮุเซน ฏอบาฏอบาอี,เล่ม 17,หน้า 407

[3] ตัฟซี้รเนมูเนะฮ์,นาศิร มะการิม ชีรอซี, เล่ม 17,หน้า 140

[4] เนื่องจากระดับขั้นของมะลาอิกะฮ์แตกต่างกัน ซึ่งมะลิกุ้ลเมาต์(อิซรออีล)มีฐานะภาพเหนือกว่ามะลาอิกะฮ์ทั่วไปที่ทำหน้าที่เก็บวิญญาณ

[5] ซูเราะฮ์อัสสะญะดะฮ์, 11

[6] อัลอันอาม, 61

[7] ตัฟซี้รอัลมีซานฉบับแปล,มุฮัมมัดฮุเซน ฏอบาฏอบาอี,เล่ม 17,หน้า 407

[8] อันนะห์ลิ, 32

[9] มันลายะฮ์ฎุรุฮุ้ลฟะกีฮ์,เชคศ่อดู้ก,เล่ม 1,หน้า 136

[10] อัลอินซาน, 20 และ อัตตักวี้ร, 29

[11] บิฮารุ้ลอันว้าร,เล่ม 6,หน้า 140,ฮะดีษที่ 1

[12] อ้างแล้ว, หน้า 143,ฮะดีษที่ 6

[13] อ้างแล้ว,หน้า 141,ฮะดีษที่ 6

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

คำถามสุ่ม

  • มีฮะดีษจากอิมามศอดิก(อ.)ระบุว่า “การก่อสงครามกับรัฐทุกครั้งที่เกิดขึ้นก่อนการปรากฏกายของอิมามมะฮ์ดี จะเป็นเหตุให้บรรดาอิมามและชีอะฮ์ต้องเดือดร้อนและเศร้าใจ” เราจะชี้แจงการปฏิวัติอิสลามในอิหร่านอย่างไร?
    7098 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2555/01/19
    ต้องเรียนชี้แจงดังต่อไปนี้:หนึ่ง: เป็นไปได้ว่าฮะดีษประเภทนี้อาจจะเกิดจากการตะกียะฮ์หรือเกิดจากสถานการณ์ล่อแหลมในยุคที่การจับดาบขึ้นสู้มิได้มีผลดีใดๆอนึ่งยังมีฮะดีษหลายบทที่อิมามให้การสนับสนุนการต่อสู้บางกรณีสอง: ฮะดีษที่คุณยกมานั้นกล่าวถึงกรณีการปฏิวัติโค่นอำนาจด้วยการนองเลือดแต่ไม่ได้ห้ามมิให้เคลื่อนไหวปรับปรุงสังคมเพราะหากศึกษาประวัติศาสตร์ก็จะพบว่าบรรดาอิมามเองก็ปฏิบัติตามแนววิธีดังกล่าวเช่นกันหากพิจารณาถึงแนววิธีในการปฏิวัติอิสลามในอิหร่านกอปรกับแนวคิดของผู้นำการปฏิวัติก็จะทราบทันทีว่าการปฏิวัติดังกล่าวมิไช่การปฏิวัติด้วยการนองเลือดและผู้นำปฏิวัติก็ไม่สนับสนุนแนวคิดดังกล่าว สรุปได้ว่าการปฏิวัติอิสลามมิได้ขัดต่อเนื้อหาของฮะดีษประเภทดังกล่าวแต่อย่างใด ...
  • ศาสดาอาดัม (อ.) และฮะวามีบุตรกี่คน?
    12843 تاريخ بزرگان 2554/06/22
    เกี่ยวกับจำนวนบุตรของศาสดาอาดัม (อ.) และท่านหญิงฮะวามีความคล้ายคลึงกับเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ตลอดหน้าประวัติศาสตร์ที่ผ่านมานั่นหมายถึงไม่มีทัศนะที่จำกัดที่ตายตัวแน่นอนว่าต้องเป็นเช่นนั้นเพียงประการเดียวเนื่องจากตำราที่เชื่อถือได้ทางประวัติศาสตร์มีความขัดแย้งกันในเรื่องชื่อและจำนวนบุตรของท่านศาสดาการที่เป็นที่เช่นนี้อาจเป็นเพราะว่าช่วงเวลาที่ยาวนานของพวกเขากับช่วงเวลาการบันทึกเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์หรืออาจเป็นเพราะชื่อไม่มีความสำคัญสำหรับพวกเขาก็เป็นได้และฯลฯกอฎีนาซิรุดดีนบัยฏอวีย์ได้บันทึกไว้ในหนังสือของท่านเกี่ยวกับจำนวนบุตรของท่านศาสดาอาดัม (อ.) กับท่านหญิงฮะวากล่าวว่า:ทุกครั้งที่ท่านหญิงฮะวาตั้งครรภ์จะได้ลูกเป็นแฝดหญิงชายเสมอเขาได้เขียนไว้ว่าท่านหญิงฮะวาได้ตั้งครรภ์ถึง 120
  • ความหมายของวิลายะฮฺของฮากิมบนสิ่งต้องห้ามคืออะไร?
    8435 สิทธิและกฎหมาย 2555/05/17
    คำนิยามที่ชัดเจนและสั้นของกฎนี้คือ ผู้ปกครองบรรดามุสลิม มีสิทธิบังคับในบางเรื่องซึ่งบุคคลนั้นมีหน้าที่จ่ายสิทธิ์ (ในความหมายทั่วไป) แต่เขาได้ขัดขวาง ดังนั้น ผู้ปกครองมีสิทธิ์บังคับให้เขาจ่ายสิทธิที่เขารับผิดชอบอยู่ ในช่วงระยะเวลาที่ไม่ใกล้ไกลนี้ มรดกทางบทบัญญัติได้ให้บทสรุปแก่มนุษย์ในการยอมรับว่า วิลายะฮฺของฮากิมที่มีต่อสิ่งถูกห้าม ในฐานะที่เป็นแก่นหลักของประเด็น (โดยหลักการเป็นที่ยอมรับ) ณ บรรดานักปราชญ์ทั้งหมด โดยไม่ขัดแย้งกัน, แม้ว่าบางท่านจะกล่าวถึงองค์ประกอบที่แตกต่างกันก็ตาม ...
  • การสมรสจะช่วยส่งเสริมหรือเป็นตัวยับยั้งพัฒนาการทางศีลธรรมกันแน่? ศาสนาอิสลามและคริสต์เห็นต่างในเรื่องนี้อย่างไรบ้าง?
    6088 ปรัชญาของศาสนา 2554/09/11
    การสมรสเปรียบดั่งศิลาฤกษ์ของสังคมซึ่งมีคุณประโยชน์มากมายอาทิเช่นเพื่อบำบัดกามารมณ์สืบเผ่าพันธุ์มนุษย์เสริมพัฒนาการของมนุษย์ความร่มเย็นและระงับกิเลสตัณหาฯลฯในปริทรรศน์ของอิสลามการสมรสได้รับการเชิดชูในฐานะเกราะป้องกันกึ่งหนึ่งของศาสนาในเชิงสังคมการสมรสมีคุณประโยชน์อย่างเอนกอนันต์เนื่องจากจะเสริมสร้างครอบครัวให้เป็นดั่งรวงรังอันอบอุ่นที่คนรุ่นหลังสามารถพึ่งพิงได้
  • ถ้าหากไม่ทราบว่าและได้รับประทานเนื้อฮะรอมไป จะมีความผิดอันใดบ้าง?
    5445 สิทธิและกฎหมาย 2554/11/21
    บุคคลใดหลังจากรับประทานอาหารแล้ว, เพิ่งจะรู้ว่านั่นเป็นอาหารฮะรอม, ถ้าหากไม่คิดว่าสิ่งนั้นจะฮะรอมประกอบกับมีสัญลักษณ์ของฮะลาลด้วยเช่นมาจากร้านของมุสลิม, มิได้กระทำบาปอันใด
  • การนอนในศาสนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เช่นบริเวณฮะร็อมมีฮุกุมอย่างไร?
    5079 สิทธิและกฎหมาย 2554/11/19
    ฮะร็อม(บริเวณสุสาน)ของบรรดาอิมามตลอดจนศาสนสถานถือเป็นสถานที่ที่มุสลิมให้เกียรติมาโดยตลอดเนื่องจากการแสดงความเคารพสถานที่เหล่านี้ถือเป็นการให้เกียรติบรรดาอิมามและบุคคลสำคัญต่างๆที่ฝังอยู่ณสุสานดังกล่าวฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงการกระทำที่ส่อไปในทางลบหลู่ดูหมิ่นสถานที่เหล่านี้เท่าที่จะทำได้แต่ทว่าในแง่ของฟิกฮ์การนอนในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เช่นมัสยิด, ฮะร็อมฯลฯถือว่าไม่เป็นที่ต้องห้ามนอกจากคนทั่วไปจะมองว่าการนอนในสถานที่ดังกล่าวเป็นการไม่ให้เกียรติสถานที่ซึ่งในกรณีนี้เนื่องจากวิถีประชาเห็นว่าการกระทำนี้เป็นสิ่งที่ไม่บังควรก็จะถึอว่าไม่ควรกระทำไม่ว่าสถานที่เหล่านั้นจะเป็นมัสยิดหรือฮะร็อมของบรรดาอาอิมมะฮ์ฯลฯก็ตาม
  • โปรดอธิบาย หลักความเชื่อของวะฮาบี และข้อทักท้วงของพวกเขาที่มีต่อชีอะฮฺว่า คืออะไร?
    18272 เทววิทยาดั้งเดิม 2555/06/30
    วะฮาบี, คือกลุ่มบุคคลที่เชื่อและปฏิบัติตาม มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮาบ, พวกเขาเป็นผู้ปฏิตามแนวคิดของสำนักคิด อิบนุตัยมียะฮฺ และสานุศิษย์ของเขา อิบนุ กัยยิม เญาซียฺ ซึ่งเขาเป็นผู้วางรากฐานทางความศรัทธาใหม่ในแคว้นอาหรับ. วะฮาบี เป็นหนึ่งในสำนักคิดของนิกายในอิสลาม ซึ่งมีผู้ปฏิบัติตามอยู่ในซาอุดิอารเบีย ปากีสถาน และอินเดีย ตามความเชื่อของพวกเขาการขอความช่วยเหลือผ่านท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) บรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ (อ.) การซิยาเราะฮฺ, การให้เกียรติ ยกย่องและแสดงความเคารพต่อสถานฝังศพของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) และบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ถือเป็น บิดอะฮฺ อย่างหนึ่ง ประหนึ่งเป็นการแสดงความเคารพต่อเจว็ดรูปปั้น ถือว่า ฮะรอม. พวกเขาไม่อนุญาตให้กล่าวสลาม หรือยกย่องให้เกียรติท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ยกเว้นในนมาซเท่านั้น, พวกเขายอมรับการสิ้นสุดชีวิตทางโลกของเขา เป็นการสิ้นสุดอันยิ่งใหญ่ และเป็นการสิ้นสุดที่มีเกียรติยิ่ง ร่องรอยของทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็น โดม ลูกกรง และอื่นๆ ...
  • ความสำคัญและความพิเศษ และคำวิจารณ์หนังสือบิฮารุลอันวาร?
    7026 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2554/12/21
    กลุ่มฮะดีซจากหนังสือบิฮารุลอันวาร,ถือได้ว่าเป็นผลงานที่สำคัญที่สุดของอัลลามะฮฺมัจญิลิซซียฺ, หรืออาจกล่าวได้ว่าหนังสือเล่มนี้เป็นดาอิเราะตุลมะอาริฟฉบับใหญ่ของชีอะฮฺซึ่งได้รวบรวมเอาปัญหาศาสนาเกือบทั้งหมด,เช่นตัฟซีรกุรอาน, ประวัติศาสตร์, ฟิกฮฺ, เทววิทยา, และปัญหาอื่นๆอีกบางส่วนที่สำคัญที่สุดและเป็นความพิเศษของหนังสือบิฮารุลอันวารคือ:เริ่มต้นบทใหม่ทุกบทจะกล่าวถึงโองการอัลกุรอาน
  • เพราะเหตุใดจึงวาญิบต้องตักลีดกับมัรญิอฺ ?
    7371 สิทธิและกฎหมาย 2554/09/25
    จุดประสงค์ของ “การตักลีด” คือการย้อนไปสู่ภารกิจที่ตนไม่มีความเชี่ยวชาญในคำสั่งอันเฉพาะซึ่งต้องอาศัยความความเชี่ยวชาญพิเศษซึ่งเหตุผลที่สำคัญที่สุดสำหรับเรื่องการตักลีดเกี่ยวกับปัญหาศาสนาคือเหตุผลทางสติปัญญาที่ว่าผู้ไม่มีความรู้และไม่มีความเชี่ยวชาญปัญหาต้องปฏิบัติตามผู้มีความรู้และเชี่ยวชาญในปัญหานั้นแน่นอนทั้งอัลกุรอาน
  • อิสลามมีกฏเกณฑ์อย่างไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มสาว?
    21552 สิทธิและกฎหมาย 2554/08/09
    อิสลามถือว่าอัลลอฮ์ทรงสร้างชายและหญิงให้มีบทบาทเกื้อกูลกันและกันหนึ่งในปัจจัยที่ทั้งสองเพศต้องพึ่งพากันและกันก็คือความต้องการทางเพศทว่าการบำบัดความต้องการดังกล่าวจะต้องอยู่ในเขตคำสอนของอิสลามเท่านั้นจึงจะสามารถรักษาศีลธรรมจรรยาของทั้งสองฝ่ายได้อิสลามถือว่าความสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มสาวก่อนแต่งงานไม่ว่าโดยตรงหรือผ่านสื่อหากเป็นไปด้วยความไคร่หรือเกรงว่าจะเกิดความไคร่ถือว่าไม่อนุมัติแต่สำหรับความสัมพันธ์ในการทำงานวิชาการและการศึกษาถือเป็นที่อนุมัติเฉพาะในกรณีที่ไม่โน้มนำไปสู่ความเสื่อมเสีย ...

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    59365 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    56820 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    41644 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    38392 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    38388 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    33427 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    27522 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    27214 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    27110 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    25180 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...