การค้นหาขั้นสูง

สำหรับการติดตามผลอย่างมีนัยของการให้ความสำคัญ และปรัชญาของการจัดพิธีกรรมรำลึกถึงท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) จำเป็นต้องพิจารณาประเด็นสำคัญดังต่อไปนี้ :

1. การให้ความสนใจต่อคุณธรรมความประเสริฐและลักษณะอันสูงส่ง ของมนุษย์ผู้ชาญฉลาดมีความโดดเด่น ซึ่งได้รับการเลือกสรรแล้ว

หนึ่งในรูปแบบต่างๆ ที่ได้รับการเน้นย้ำไว้โดยอัลกุรอาน หลายโองการด้วยกันคือ การเก็บรักษาและการรำลึกถึงเรื่องราวของวีรบุรุษแห่งพระเจ้าให้มีชีวิตชีวาอยู่เสมอ บุคคลต่างๆ ที่มีความชาญฉลาดและโดดเด่นทางหน้าประวัติศาสตร์, ตลอดจนชะตาชีวิตของพวกเขา เก็นสิ่งเหล่านี้ไว้เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับชีวิต

อัลกุรอานบทมัรยัม, อัลลอฮฺตรัสว่า : “และจงกล่าวถึงเรื่องของอิบรอฮีมที่อยู่ในคัมภีร์ แท้จริง เขาเป็นผู้ซื่อสัตย์”[1] หลังจากนั้นได้กล่าวถึงการต่อสู้เยี่ยงวีรบุรุษของท่านที่มีต่อบรรดาพวกเคารพรูปปั้นบูชา และเทวรูปเหล่านั้นอย่างองอาจ

อีกโองการหนึ่งกล่าวว่า : “และจงกล่าวถึงเรื่องของอิดรีสที่อยู่ในคัมภีร์ แท้จริงเขาเป็นผู้ซื่อสัตย์พูดจริง เป็นนบี (ผู้ยิ่งใหญ่) ท่านหนึ่ง และเราได้เทิดเกียรติเขาซึ่งตําแหน่งอันสูงส่ง”[2] และหลังจากนั้นได้กล่าวถึงบรรดาศาสดาทั้งหลายว่า ทั้งหมดต่างได้รับความโปรดปรานต่างๆ ของพระเจ้าโดยถ้วนหน้ากัน

อัลกุรอาน บทอื่นกล่าวว่า : “และจงรำลึกถึงบ่าวของเราอัยยูบ, เมื่อเขาวิงวอนขอต่อพระผู้อภิบาลของเขาว่า (โอ้ พระผู้อภิบาลของข้าฯ) "ชัยฏอนได้ทำให้ข้าฯได้รับความเหนื่อยยากและทุกข์ทรมาน" (ข้ากล่าวกับเขาว่า) จงกระทืบ (พื้นดิน) ด้วยเท้าของเจ้า, นี่คือตาน้ำเย็นสำหรับการอาบชำระล้าง และสำหรับดื่ม และเราได้ประทานครอบครัวของเขาคืนให้แก่เขา และเพิ่มจำนวนที่เท่ากับพวกเขาเพิ่มเข้ามากับพวกเขา เพื่อจะได้เป็นความเมตตาจากเราและเป็นข้อเตือนสติแด่ปวงผู้มีสติทั้งหลาย”[3]

เป็นที่ชัดเจนว่า โองการเหล่านี้และโองการอื่นที่คล้ายคลึงกันนั้น มิได้กล่าวถึงเนื่องส่วนตัว หรือครอบครัว หรือภารกิจธรรมดาทั่วไปในชีวิตของบรรดาอิมามเหล่านี้ ทว่าได้กล่าวถึงคุณสมบัติพิเศษอื่น หรือความประเสริฐต่างๆ ด้านจริยธรรมและโปรแกรมต่างๆ ในเชิงการสร้างสรรค์ของพวกเขาเหล่านั้น, และแน่นอน สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าการรำลึกถึงบุคลิกภาพอันสูงส่งและวิเศษของบุคคล ที่ได้รับการเลือกสรรแล้วในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูให้มีชีวิตชีวาตลอดเวลา พร้อมทั้งคุณสมบัติอันสูงส่งอันเป็นที่ยอมรับของพวกเขาต้องได้รับความสนใจ ด้วยเหตุนี้เอง จะเห็นว่าบรรดาอิมามมะอฺซูม (อ.) จะมีการฟื้นฟูและรำลึกถึงนามของบรรดาชะฮีดแห่งกัรบะลาอ, โดยเฉพาะอย่างยิ่งซัยยิดชุฮะดา อิมามฮุซัยนฺ (อ.) ด้วยวิธีการที่แตกต่างกัน

2.บรรดาอิมามผู้ยิ่งใหญ่ของชีอะฮฺ (อ.) ได้จัดพิธีกรรมรำลึกถึงดอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ด้วยวิธีการหลายหลาก อาทิเช่น

ก) จัดการชุมนุมรำลึกถึงโศกนาฏกรรม

นับว่าเป็นหนึ่งในรูปแบบที่บรรดาอิมามมะอฺซูม (อ.) พยายามจะรักษาอุดมการณ์ของท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ให้ดำรงอยู่ตลอดไป คือ การจัดมัจญฺลิสเพื่อรำลึกถึงโศกนาฏกรรม การร้องไห้สำหรับความเศร้าและความทุกข์ยากต่างๆ ที่เกิดแก่แต่ละชีวิตในกัรบะลาอฺ การรำลึกถึงเหตุการณ์อันโหดร้ายในช่วงเวลาอันเหมาะสม

ท่านอิมามซัจญาด (อ.) ตลอดอายุขัยการดำรงแหน่งอิมามะฮฺ ท่านจะอยู่กับการแสดงความเสียใจ และรำลึกถึงโศกนาฎกรรมแห่งกัรบะลาอฺและอาชูรอตลอดเวลา และท่านได้ร้องไห้ให้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างหนักจนกระทั่งได้รับฉายานามว่า อิมาม แห่งการก้มกราบผู้ร่ำไห้[4]

มีรายงานว่าอิมามบากิร (อ.) ได้จัดพิธีกรรมรำลึกถึงโศกนาฏกรรมแห่งอาชูรออฺ ให้แก่ปู่ของท่าน ณ ที่บ้านของท่าน และท่านได้ร้องไห้อย่างหนักโดยไม่มีการอำพรางตนแต่อย่างใด และบุคคลที่อยู่ในบ้านของท่านกล่าวว่า : ท่านอิมามได้ตกอยู่ในความเศร้าระทมทุกข์ตลอดเวลา และกล่าวแสดงความเสียใจต่อโศกนาฏกรรมของท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ต่อบุคคลอื่น[5]

ท่านอิมามซอดิก (อ.) กล่าวกับดาวูดว่า : ฉันไม่เคยดื่มน้ำเย็นอีกเลยเว้นเสียแต่ว่าได้รำลึกถึงท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.)[6]

ท่านอิมามริฎอ  (อ.) กล่าวว่า : เมื่อเดือนมุฮัรรอมได้เวียนมาถึง, จะไม่มีผู้ใดเห็นบิดาของฉัน (อิมามมูซากาซิม) ยิ้มอีกเลย ทว่าความเศร้าและความเสียใจได้ครอบคลุมท่านจนหมดสิ้น จนกระทั่งถึงวันที่ 10, และเมื่อถึงวันอาชูรอแล้วในวันนั้น, จะเป็นวันแสดงความเสียใจและร่ำไห้สำหรับท่าน และท่านอิมามกล่าวว่า : วันนนี้,เป็นวันที่อิมามฮุซัยนฺ (อ.) ได้รับชะฮีด[7]

บรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ (อ.) มิใช่เฉพาะพวกท่านเท่านั้นที่จัดพิธีกรรมรำลึกถึงท่านอิมามซัยยิดชชุฮะดา และร้องไห้อย่างหนัก, ทว่าท่านยังสนับสนุนให้ประชาชนร้องไห้เพื่ออิมามฮุซัยนฺ (อ.) รายงานกล่าวว่า : บุคคลใดก็ตามร้องไห้เพื่ออิมามฮุซัยนฺ (อ.) หรือร้องไห้เพียงคนเดียว, รางวัลของเขาคือสรวงสวรรค์ และบุคคลใดแสดงความเศร้าและร่ำไห้ให้กับเหตุการณ์ดังกล่าว รางวัลของเขาก็คือสวรรค์เช่นกัน[8]

การสนับสนุนบรรดานักอ่านบทกวีและบทกลอนเกี่ยวกับเหตุการณ์กัรบะลา, หรือบรรดานักกวีที่ได้กล่ายขานถึงโศกนาฏกรรมออกมาเป็นบทกวี หรือบทกลอนและอ่านในงานชุมนุมเพื่อรำลึกถึงท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) พวกเขาจะได้รับความเมตตาพิเศษจากบรรดาอิมามมะอฺซูม (อ.) ไม่ว่าจะเป็นบุคคลลเฉกเช่น กัมมียัต อะซะดียฺ, หรือดุอ์บุล, เคาะซาอียฺ, ซัยยิดฮะมีรียฺ และคนอื่นๆ ...

ข) สนับสนุนส่งเสริมให้ไปซิยาเราะฮฺอิมามฮุซัยนฺ (อ.) :

การไปเยี่ยมสถานฝังศพของบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ หรือผู้อาวุโส หรือวีรบุรุษถือว่าเป็นประเพณีอันดีงาม ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาคมโลกและประชาชาติต่างๆ มาอย่างช้านานตราบจนถึงปัจจุบันนี้ และหนึ่งในหมู่วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้นได้แก่ท่านซัยยิดชุฮะดา ท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ผู้นำแห่งอิสระชนทั้งหลาย, ท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) คือรุ่งอรุณอีกแสงหนึ่ง ท่านคือวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ท่านคือหัวหน้าของบรรดาชะฮีดทั้งหลาย, ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่นามของท่าน และการรำลึกถึงท่านต้องได้รับการรำลึกถึงเป็นอย่างดี, และต้องได้รับการให้เกียรติอย่างสูง, คำพูดของบรรดาอิมามมะอฺซูม (อ.) ผู้บริสุทธิ์เกี่ยวกับความประเสริฐของการซิยาเราะฮฺ กัรบะลาอฺฮุซัยนียฺ นั้นมีมากมาย ซึ่งสามารถกล่าวได้ว่า : บรรดาท่านผู้ได้รับการเลือกสรรแล้วจากพระเจ้าทุกครั้งและทุกโอกาสที่เหมาะสม ท่านจะสนับสนุนและเชิญชวนให้ประชาชน ไปเยี่ยมสถานฝังศพของท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ซัยยิดชชุฮะดา, ประหนึ่งว่าหนึ่งในโปรแกรมสำคัญสำหรับท่านคือ การได้สัญญาไปเยี่ยมสถานฝังศพของท่านอิมาม และสนับสนุนประชาชนให้กระทำเช่นนั้น เพราะท่านทราบเป็นอย่างดีว่า นี่คือแนวทางการสร้างความสัมพันธ์อันดีงามทางด้านความคิด และจิตวิญญาณของชาวมุสลิมกับอิมาม เป็นการปลุกระดมจิตวิญญาณของพวกเขาให้ต่อสู้, ทว่านี่คือวิถีทางต่อสู้กับบรรดาผู้กดขี่ที่ดีที่สุด ดังที่ประวัติศาสตร์ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า นี่คือวิธีการต่อสู้ที่วิเศษและดีที่สุดสำหรับวันนี้, เกี่ยวกับการซิยาเราะฮฺอิมามฮุซัยนฺ (อ.) มีรายงานจำนวนมากมายที่กล่าวถึง แต่จะขอกล่าวเพียงรายงานเดียว เช่น

ท่านอิมามซอดิก (อ.) กล่าวว่า : บุคคลใดก็ตามในวันกิยามะฮฺหากเขาต้องการเห็นประกายรัศมีทุกๆ ที่ ให้เขาซิยาเราะฮฺอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ให้บ่อยที่สุด[9]

3. ความพิเศษของเดือนมุฮัรรอม, คือ เดือนแห่งชัยชนะของเลือดที่มีเหนือคมดาบ

เดือนมุฮัรรอมเสมือนเป็นหนังสือที่มีคุณค่ามากที่สุด,วันและคืนของเดือนนี้, ช่วงเวลาทุกนาทีและทุกโมงยาม, คือหนึ่งหน้ากระดาษสำคัญสำหรับการรู้จักอัลลอฮฺ ความเป็นมนุษย์ เกียรติยศ ศักดิ์ศรี และความอิสระชน, นอกจากนั้นแล้วยังได้สอนวิธีการดำรงชีวิตแก่มนุษย์ว่า เขาควรจะมีชีวิตอยู่อย่างไร หรือสมควรจะตายอย่างไร, ท่านอมามฮุซัยนฺ (อ.) ได้บรรจงสร้างกรุสมบัติอันมีค่ายิ่งนี้แก่ประชาคมโลกด้วยคำกล่าวว่า “ฮัยฮาต มินนัซซิลลัต” ท่านได้ส่งสาส์นนี้แก่ชนทุกรุ่นและทุกยุคทุกสมัย แก่ทุกกาลเวลาและทุกพื้นดินว่า โอ้ บุตรหลานของอาดัมเอ๋ย โอ้ ผู้เรียกร้องสัจธรรม โอ้ ผู้เรียกร้องความยุติธรรมแห่งโลก จงยืนขึ้นเพื่อต่อสู้และต่อต้านกับรัฐบาลกดขี่ รัฐปกครองของชัยฏอนเถิด และจงอย่ายอมแพ้พวกเขาเป็นอันขาด

นอกจากนั้นในช่วงวินาสุดท้ายแห่งชีวิตอันจำเริญของท่าน ท่านอิมามได้แสดงให้เห็นถึงการต่อสู้กับความอธรรมอย่างเด็ดเดี่ยว ท่ามกลางเหล่าทหารหลายพันคน ท่านได้กัดฟันเพื่อกล่าวสาส์นแก่ทุกคนว่า “มีใครสักคนที่จะช่วยเหลือฉันบ้างไหม” ท่านอิมามได้ร้องขอความช่วยเหลือ ประหนึ่งว่าท่านได้ร้องขอกับมนุษย์ผู้เป็นอิสระชนทุกคน กับเยาวชนคนหนุ่มสาวทุกยุคสมัย และกับทุกกาลยุคสมัย ท่านอิมามผู้โดดเดี่ยวก่อนหน้านี้ไม่นาน ท่านต้องสูญเสียน้อง มิตรสหาย ลูกหลาน และคนรักไปคนแล้วคนเล่า ท่านเป็นผู้นำเรือนร่างบริสุทธิ์ของชายหนุ่มผู้สง่างาม อะลี อักบัร กลับมายังคัยมะฮฺ, ซึ่งก่อนหน้านั้นเพียงชั่วครู่เดียวท่านได้เห็นน้องชายสุดที่รัก ผู้ซื่อสัตย์ ผู้เสียสละ ผู้ถือธงขบวนต้องนอนแน่ดิ้นจมกองเลือดอย่างน่าเวทนา ท่านอิมามไม่มีใครอีกแล้ว ท่านไม่มีความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ท่านทราบดีว่าในไม่ช้านี้ท่านจะได้พบกับตาของท่าน คือ ท่านเราะซูล (ซ็อล ฯ) ด้วยริมฝีปากที่เหือดแห้งและกระหาย แล้วท่านจะเรียกร้องขอความช่วยเหลือไปเพื่อการใด หรือร้องขอจากผู้ใดหรือ? ท่านมิต้องการส่งเสียงร้องเรียกผู้ช่วยเหลือ ให้ตัวเองให้รอดพ้นจากความตาย, ทว่าท่านอิมาม (อ.) ได้ร้องเรียกเยาวชนคนรุ่นต่อไปให้ช่วยเหลือ จงอย่าลืมต้นไม้แห่งเตาฮีดและการเคารพภักดีต่อพระเจ้าองค์เดียว ซึ่งกำลังจะแห้งเหี่ยวเฉาลงทุกวัน จงพิทักษ์รักษาเลือดของท่านและบรรดาชุฮะดาที่ได้ราดรินลดต้นไม้แห่งเตาฮีดเอาไว้ให้ดี เพื่อให้ขบวนการอาชูรอดำรงอยู่เป็นอมตะนิรันดร ให้มีการรำลึกถึงโศกนาฏกรรมแห่งกัรบะลาอฺเสมอ เพื่อให้เป็นหลักประกันต่อการดำรงอยู่ของอิสลาม

4. โศกนาฏกรรมคือปัจจัยสำคัญของความสามัคคีและเป็นรหัสยะของความสำเร็จ

ทุกประชาชาติต้องอาศัยความสมานฉันท์ทางสังคม เพื่อการดำรงอยู่และเพื่อความสำเร็จ, ไม่ต้องสงสัยเลยว่าปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือ ความสมานฉันท์ให้หมู่ชนผู้จงรักภักดีต่ออะฮฺลุลบัยตฺ (อ.) ซึ่งนับได้ว่าเป็นปัจจัยที่มิต้องลงทุนหรือเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด แต่สามารถรวบรวมประชาชนให้เป็นปีกแผ่นบนแนวทางเดียวกันได้ นั่นคือการจัดพิธีกรรมรำลึกถึงท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) และบรรดาชุฮะดาผู้เสียสละแห่งกัรบะลาอฺ ปัจจัยดังกล่าวนี้ยังสามารถปลดปล่อยประชาชาติให้รอดพ้นจากสงครามกับนักล่าอาณานิคม หรือบรรดาพวกเผด็จการทั้งหลาย, ตลอดหน้าประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาการจัดพิธีกรรมรำลึกถึงท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) คือ ที่มาของการยืนหยัดต่อสู้และการปฏิวัติต่างๆ ทั้งเล็กและใหญ่ทั่วโลก เช่น การยืนหยัดต่อสู้ของบรรดาเตาวาบีน (ผู้กลับตัวกลับใจ) ที่มีต่อยะซีดและพรรคพวก, การยืนหยัดต่อสู้ของ “มุคตอร” ซึ่งเขาได้หลั่งเลือดส่วนใหญ่ของบรรดากองโจรแห่งกัรบะลาอฺ เพื่อตอบแทนความชั่วที่ได้ก่อขึ้น เขาได้หยัดเหยียดความปราชัยแก่กองทหารที่เข้มแข็งของราชวงศ์อุมัยยะฮฺ และ ....ซึ่งบรรดานักวิชาการบางท่านกล่าวว่า ส่วนใหญ่ของการปฏิวัติบนโลกนี้ล้วนได้รับอิทธิพลมาจากการยืนหยัดของท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ทั้งสิ้นซึ่งหนึ่งในตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ ซึ่งหนึ่งในตัวอย่างนั้นก็คือ การปลดปล่อยประเทศอินเดียให้ได้รับอิสรภาพจากนักล่าอาณานิคมแห่งอังกฤษ โดยน้ำมือของมหาคานธี ผู้นำขบวนการปลดปล่อยในครั้งนั้น เขากล่าวว่า : ฉันไม่ได้นำสิ่งแปลกใหม่อันใดมาสู่ประชาติอินเดียแม้แต่น้อย มันเป็นเพียงการบทสรุปจากการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การดำรงชีวิตของวีรบุรุษแห่งกัรบะลาอฺ, ถ้าหากเราต้องการช่วยเหลือประชาชาติอินเดียให้รอดพ้น วาญิบสำหรับเราที่ต้องทำตามแนวทางที่ฮุซัยนฺได้ทำเอาไว้[10]

อีกตัวอย่างหนึ่ง, อันถือได้ว่าเป็นบทบาทอันยิ่งใหญ่ของกัรบะลาอฺและอาชูรอ, คือการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านโดยการนำของท่านอิมามโคมัยนี (รฎ.) ซึ่งท่านได้ทำให้โลกทั้งหลายต้องตะลึงงัน และตัวอย่างสุดท้ายอันเป็นผลกระทบของการยืนหยัดต่อสู้กับความอธรรมคือ การยืนหยัดต่อสู้ของขบวนการฮิซบุลลอฮฺ ทางตอนใต้ของประเทศเลบานอน ซึ่งพวกเขามีความผูกพันอยู่กับกัรบะลาอฺและอิมามฮุซัยนฺ (อ.) จึงทำให้พวกเขาสามารถยืนหยัดต่อสู้กับไซออนิสต์ได้อย่างกล้าหาญโดดเดี่ยว ในทางตรงกันข้ามฝ่ายไซออนิสต์ต้องพบกับความพ่ายแพ้อย่างยับเยิน เมื่อได้เผชิญหน้ากับความเสียสละและพลังอีมานของขบวนการฮิซบุลลอฮฺ

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเราก็คงจะเป็นคนหนึ่งที่ได้เป็นผู้ช่วยเหลือที่แท้จริง ของท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) และความการุณย์ของท่านก็คงจะแผ่เมตตามาถึงเรา

 

 


[1] อัลกุรอาน บทมัรยัม, 41.

[2] อัลกุรอาน บทมัรยัม, 56,57.

[3] อัลกุรอาน บทซ็อซดฺ, 41-43.

[4] วะซาอิลุชชีอะฮฺ, เล่ม 2, หน้า 922.

[5] วะซาอิลุชชีอะฮฺ, เล่ม 10, หน้า 398.

[6] อะมาลี เชคซะดูก, หน้า 142

[7] มะฟาตีฮุลญินาน, เชคอับบาสกุมมี, ส่วนที่เกี่ยวข้องกับเดือนมุฮัรรอม

[8] บิฮารุลอันวาร, เล่ม 24, หน้า 284.

[9] กามิลซิยาเราะฮฺ, หน้า 135. กล่าววว่า ..

«من سره ان یکون علی موائد النور یوم القیامة، فلیکن من زوار الحسین بن علی علیهما السلام»

[10] ศึกษาเพิ่มเติมได้จากหนังสือ อัตรชีวประวัติของท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.), มุฮัมมัด มุฮัดมะดี  อิชติฮาดียฺ, หน้า 109

 

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • ในทัศนะอิสลาม บาปของฆาตกรที่เข้ารับอิสลามจะได้รับการอภัยหรือไม่?
    8671 สิทธิและกฎหมาย 2554/06/12
    อิสลามมีบทบัญญัติเฉพาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเข้ารับอิสลามอาทิเช่นหากก่อนรับอิสลามเคยละเมิดสิทธิของอัลลอฮ์เช่นไม่ทำละหมาดหรือเคยทำบาปเป็นอาจินเขาจะได้รับอภัยโทษภายหลังเข้ารับอิสลามทว่าในส่วนของการล่วงละเมิดสิทธิเพื่อนมนุษย์เขาจะไม่ได้รับการอภัยใดๆเว้นแต่คู่กรณีจะยอมประนีประนอมและให้อภัยเท่านั้นฉะนั้นหากผู้ใดเคยล่วงละเมิดสิทธิของผู้อื่นเมื่อครั้งที่ยังมิได้รับอิสลามการเข้ารับอิสลามจะส่งผลให้เขาได้รับการอนุโลมโทษทัณฑ์จากอัลลอฮ์ก็จริงแต่ไม่ทำให้พ้นจากกระบวนการพิจารณาโทษในโลกนี้
  • ในเมื่อนบีมูซาสังหารชายกิบฏี แล้วจะเชื่อว่าท่านไร้บาปได้อย่างไร?
    10290 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/08/17
    นบีทุกท่านล้วนเป็นผู้ปราศจากบาปและมีสถานะอันสูงส่งณอัลลอฮ์ (ตามระดับขั้นของแต่ละท่าน) และมีภาระหน้าที่ๆหนักกว่าคนทั่วไปโดยมาตรฐานของบรรดานบีแล้วการให้ความสำคัญต่อสิ่งอื่นนอกเหนืออัลลอฮ์ถือเป็นบาปอันใหญ่หลวงอย่างไรก็ดีนักวิชาการมีคำอธิบายเกี่ยวกับเหตุการณ์สังหารชายชาวกิบฏีหลายทัศนะคำอธิบายที่น่าสนใจที่สุดคือท่านมิได้ทำบาปใดๆเนื่องจากการสังหารชาวกิบฏีในครั้งนั้นไม่เป็นฮะรอมเพราะควรแก่เหตุเพียงแต่ท่านไม่ควรรีบลงมือเช่นนั้นสำนวนในโองการกุรอานก็มิได้ระบุว่าเหตุดังกล่าวคือบาปของท่านดังที่มะอ์มูนถามอิมามริฎอ(อ.)เกี่ยวกับคำพูดของนบีมูซาที่ว่า “นี่คือการกระทำของชัยฏอนมันคือศัตรูผู้ล่อลวงอย่างชัดแจ้ง” หรือที่กล่าวว่า “
  • รายงานฮะดีซกล่าวว่า:การสร้างความสันติระหว่างบุคคลสองคน ดีกว่านมาซและศีลอด วัตถุประสงค์คืออะไร ?
    6903 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2555/05/17
    เหมือนกับว่าการแปลฮะดีซบทนี้ มีนักแปลบางคนได้แปลไว้แล้ว ซึ่งท่านได้อ้างถึง, ความอะลุ่มอล่วยนั้นเป็นที่ยอมรับ, เนื่องจากเมื่อพิจารณาใจความภาษาอรับของฮะดีซที่ว่า "صَلَاحُ ذَاتِ الْبَيْنِ أَفْضَلُ مِنْ عَامَّةِ الصَّلَاةِ وَ الصِّيَام‏" เป็นที่ชัดเจนว่า เจตนาคำพูดของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ต้องการกล่าวว่า การสร้างความสันติระหว่างคนสองคน, ดีกว่าการนมาซและการถือศีลอดจำนวนมากมาย[1] แต่วัตถุประสงค์มิได้หมายถึง นมาซหรือศีลอดเป็นเวลาหนึ่งปี หรือนมาซและศีลอดทั้งหมด เนื่องจากคำว่า “อามะตุน” ในหลายที่ได้ถูกใช้ในความหมายว่า จำนวนมาก เช่น ประโยคที่กล่าวว่า : "عَامَّةُ رِدَائِهِ مَطْرُوحٌ بِالْأَرْض‏" หมายถึงเสื้อผ้าส่วนใหญ่ของเขาลากพื้น[2] ...
  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60837 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ถ้าก่อนที่จะเกิดความถูกต้อง (สงบ) ฝ่ายหนึ่งได้อ้างการบีบบังคับ หรือขู่กรรโชก ถือว่าสิ่งนี้มีผลต่อข้อผูกมัดหรือไม่?
    5983 สิทธิและกฎหมาย 2554/06/21
    ในกรณีนี้บุคคลที่กล่าวอ้างว่าข้อผูกมัด (อักด์) ถูกต้องนั้นมาก่อนแต่ต้องกล่าวคำสาบานด้วยส่วนบุคคลที่กล่าวอ้างว่าได้มีการบีบบังคับหรือกรรโชกขู่เข็ญเกิดขึ้นจำเป็นต้องมีพยานยืนยันด้วย ...
  • สระน้ำเกาษัรคืออะไร?
    14482 การตีความ (ตัฟซีร) 2554/10/22
    “เกาษัร” หมายถึงความดีจำนวนมากมายและมหาศาล หรือตัวอย่างหลายกรณีสามารถกล่าวเพื่อสิ่งนั้นได้ เช่น : สระน้ำและแม่น้ำเกาษัร, ชะฟาอัต, นบูวัต, วิทยปัญญา, ความรู้, ลูกหลานจำนวนมากมาย, ทายาทมาก และ ...เกาษัร มีตัวอย่างสองประการ หนึ่งคือโลกนี้ได้แก่ (ฟาฏิมะฮฺซะฮฺรอ อะลัยฮัสลาม) ส่วนปรโลกคือ (สระน้ำเกาษัร)สระน้ำเกาษัร, คือแห่งน้ำดื่มอันชุ่มชื่นใจแห่งสรวงสวรรค์ ซึ่งมีความกว้างมากซึ่งชาวสวรรค์หลังจากผ่านสนามสอบสวนในวันฟื้นคืนชีพ หลังจากนั้นพวกเขาจะถูกนำตัวเข้าสวรรค์และเข้าไปยังสระน้ำนั้น พวกเขาจะได้ดื่มน้ำจากสระเกาษัรเพื่อดับความกระหาย และจะได้ลิ้มรสความอร่อยอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน. จากสระน้ำเกาษัร, จะมีแม่น้ำอีกสองสายไหลแยกออกไปและจะไหลผ่านอยู่ในสวรรค์นั้น ...
  • มุสลิมะฮ์ท่านใดที่พูดคุยด้วยโองการกุรอานนานหลายปี?
    7642 تاريخ بزرگان 2554/06/11
    มุสลิมะฮ์ท่านนี้ก็คือฟิฎเฎาะฮ์ทาสีของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ซึ่งตำราชั้นนำต่างระบุว่านางพูดคุยด้วยโองการกุรอานนานหลายปี. ...
  • มีหนทางใดบ้างสำหรับรักษาสายตาอันร้ายกาจ?
    8116 چشم زخم و طلسم 2555/07/16
    สายตาอันร้ายกาจเกิดจากผลทางจิตวิญญาณ ซึ่งไม่มีเหตุผลในการปฏิเสธแต่อย่างใด,ทว่ามีเหตุการณ์จำนวนมากมายที่เราได้เห็นกับตาตัวเอง มัรฮูมเชคอับบาส กุมมี (รฮ.) แนะนำให้อ่านโองการที่ 51 บทเกาะลัม เพื่อเยียวยาสายตาอันร้ายกาจ, ซึ่งเมื่อพิจารณาสาเหตุแห่งการประทานลงมาของโองการแล้ว เหมาะสมกับการรักษาสายตาอันร้ายกาจอย่างยิ่ง นอกจากโองการดังกล่าวแล้ว ยังมีรายงานกล่าวเน้นถึง การอ่านอัลกุรอานบทอื่นเพื่อรักษาสายตาอันร้ายกาจไว้อีก เช่น อัลกุรอานบท »นาส« »ฟะลัก« »ฟาติฮะฮฺ« »เตาฮีด« นอกจากนี้ตัฟซีรอีกจำนวนมากยังได้กล่าวเน้นให้อ่านอัลกุรอานบทที่กล่าวมา ...
  • สัมพันธภาพระหว่างศรัทธาและความสงบมั่นที่ปรากฏในกุรอานเกิดขึ้นได้อย่างไร?
    7582 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/03/07
    อีหม่านให้ความหมายว่าการให้การยอมรับ ซึ่งตรงข้ามกับการกล่าวหาว่าโกหก แต่ในสำนวนทั่วไป อีหม่านหมายถึงการยอมรับด้วยวาจา ตั้งเจตนาในใจ และปฏิบัติด้วยสรรพางค์กาย ส่วน “อิฏมินาน” หมายถึงความสงบภายหลังจากความกระวนกระวายใจ ความแตกต่างระหว่างอีหม่านและความสงบมั่นทางจิตใจก็คือ ในบางครั้งสติปัญญาของคนเราอาจจะยอมรับเรื่องใดเรื่องหนึ่งด้วยกระบวนการพิสูจน์เชิงเหตุและผล ทว่ายังไม่บังเกิดความสงบมั่นใจจิตใจ แต่ถ้าลองได้มั่นใจในสิ่งใดแล้ว ความมั่นใจนี้จะนำมาซึ่งความสงบมั่นทางจิตใจในที่สุด มีผู้ถามอิมามริฎอ(อ.)ว่า ท่านนบีอิบรอฮีม(อ.)มีความเคลือบแคลงสงสัยหรืออย่างไร? ท่านตอบว่า “หามิได้ ท่านมีความมั่นใจจริง แต่ทว่าท่านขอให้พระองค์ทรงเพิ่มพูนความมั่นใจแก่ตนเองอีก” ...
  • ชาวอะฮ์ลิสซุนนะฮ์มีทัศนะอย่างไรเกี่ยวกับท่านบิล้าล?
    7458 تاريخ بزرگان 2554/08/08
    หนังสืออ้างอิงทางประวัติศาสตร์ของชาวอะฮ์ลิสซุนนะฮ์กล่าวถึงท่านบิล้าลผู้เป็นอัครสาวกว่าท่านได้รับการไถ่ตัวโดยท่านอบูบักร์ท่านเป็นผู้ศรัทธาที่อดทนต่อการทรมานโดยกาเฟรมุชริกีนและเป็นนักอะซานประจำของท่านนบี(ซ.ล.) อีกทั้งยังเป็นนักต่อสู้เพื่ออิสลามในสมรภูมิต่างๆเคียงข้างท่านนบี(ซ.ล.) ทว่าหลังจากที่นบีละสังขารท่านก็จากเมืองมะดีนะฮ์มุ่งสู่แคว้นชามและเสียชีวิตณที่นั่น ...

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60837 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    58530 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42927 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    40595 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    39558 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34682 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    28763 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28640 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    28624 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    26520 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...