การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
8350
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2555/01/01
 
รหัสในเว็บไซต์ fa4308 รหัสสำเนา 20355
หมวดหมู่ ริญาลุลฮะดีซ
คำถามอย่างย่อ
จริงหรือไม่ที่กล่าวกันว่าหนังสืออัลกาฟีมีฮะดีษเศาะฮี้ห์เพียงไม่กี่บท?
คำถาม
จริงหรือไม่ที่หากพิจารณาตามหลักเกณฑ์ของท่านกุลัยนีเกี่ยวกับฮะดีษเศาะฮี้ห์ จะพบว่าในหนังสืออัลกาฟีมีฮะดีษประเภทนี้ไม่กี่บท? เหตุผลก็คือการที่มีการประพันธ์ตำราหลายเล่มหลังยุคกุลัยนี ดังที่วะฮี้ด เบะฮ์บะฮอนีกล่าวไว้ว่า “เราได้ประจักษ์ว่าหนังสืออัลกาฟีมีฮะดีษหลายบทที่มิได้รายงานจากอิมามมะอ์ศูม” ทัศนะนี้ถูกต้องหรือไม่?
คำตอบโดยสังเขป

หลักเกณฑ์การเลือกฮะดีษที่ท่านกุลัยนีระบุไว้นั้น มีไว้เฉพาะกรณีฮะดีษที่ขัดแย้งกัน เพราะหลักเกณฑ์พิสูจน์ความเศาะฮี้ห์ของฮะดีษมีมากกว่าสามวิธีที่ท่านระบุไว้อันได้แก่ จะต้องสอดคล้องกับกุรอาน ตรงข้ามกับอามมะฮ์และแนวตัคยี้ร
ส่วนการประพันธ์ตำราหลังยุคท่านกุลัยนีก็มิได้หมายความว่าหนังสืออัลกาฟีไม่น่าเชื่อถือ เพราะผู้ประพันธ์ตำราเหล่านั้นก็ล้วนยอมรับความนิยมในหนังสืออัลกาฟี

คำตอบเชิงรายละเอียด

เพื่อตอบข้อซักถามดังกล่าว ควรคำนึงถึงประเด็นต่อไปนี้:
1. มัรฮูมษิเกาะตุ้ลอิสลามกุลัยนีถือเป็นผู้รู้ระดับสูงท่านหนึ่งของชีอะฮ์ในยุคเร้นกายระยะแรก(ศุฆรอ) ซึ่งได้รับการยกย่องจากผู้รู้จำนวนมาก[1] มัรฮูมมุฮัมมัดตะกี มัจลิซี กล่าวถึงท่านว่ากล่าวได้ว่าในหมู่ผู้รู้ของชีอะฮ์ไม่มีใครเสมอเหมือนกุลัยนีอีกแล้ว หากพิจารณาฮะดีษที่ปรากฏในตำราของท่านก็จะเข้าใจได้ว่าท่านได้รับการสนับสนุนจากอัลลอฮ์[2]

2. หลักเกณฑ์การเลือกฮะดีษที่ท่านกุลัยนีระบุไว้นั้น มีไว้เฉพาะกรณีฮะดีษที่ขัดแย้งกัน เพราะหลักเกณฑ์พิสูจน์ความเศาะฮี้ห์ของฮะดีษมีมากกว่าสามวิธีที่ท่านระบุไว้ อันได้แก่ จะต้องสอดคล้องกับกุรอาน ตรงข้ามกับอามมะฮ์และแนวตัคยี้ร ซึ่งจะอธิบายเพิ่มเติมในประเด็นถัดไป

3. ทัศนะที่กลุ่มผู้รู้ที่จำแนกฮะดีษในหนังสืออัลกาฟีเคยกล่าวไว้นั้น ตั้งอยู่บนพื้นฐานนิยามที่แพร่หลายหลังยุคผู้ประพันธ์ตำราทั้งสี่ (กุตุ้บอัรบะอะฮ์) ทว่านักวิชาการปัจจุบันเน้นความน่าเชื่อถือของตัวฮะดีษเป็นมาตรฐานหลัก มิไช่พิจารณาเพียงนักรายงานฮะดีษอย่างเดียว ด้วยเหตุนี้เองที่ผู้รู้ยุคแรกถือว่าฮะดีษที่ตนมั่นใจว่าเป็นวจนะของอิมาม ถือว่าเศาะฮี้ห์[3] กล่าวคือ ความมั่นใจดังกล่าวเป็นข้อสรุปจากการตรวจสอบสายรายงานพร้อมกับเนื้อหาฮะดีษ ทำให้ผู้รู้เหล่านั้นมั่นใจว่าเศาะฮี้ห์

4. หากไม่นับกลุ่มนักวิจารณ์แล้ว จะพบว่ามีอีกกลุ่มหนึ่งที่ให้การยอมรับอัลกาฟีอย่างสมบูรณ์ อาทิเช่น:
เชคมุฟี้ดเชื่อว่าอัลกาฟีคือหนังสือที่ดีและมีประโยชน์มากที่สุดของชีอะฮ์[4]
ซัยยิดมุรตะฎอกล่าวว่าแม้ฮะดีษหลายบทที่ปรากฏในตำราทั้งสี่จะมีสายรายงานไม่มากพอ แต่เราก็เชื่อว่าได้รับรายงานจากบรรดาอิมาม(.)ด้วยเหตุผลดังนี้ หนึ่ง. ความน่าเชื่อถือสืบเนื่องจากเป็นที่นิยมแพร่หลาย สอง. มีเบาะแสพิสูจน์ความเศาะฮี้ห์ของฮะดีษ[5]
มุฮักกิก กะเราะกี และมุฮัมมัด อมีน อัสตัรออบอดี เชื่อว่าไม่มีหนังสือเล่มใดในโลกชีอะฮ์ที่จะเทียบเคียงอัลกาฟีได้[6]
นะญาชีกล่าวว่ามุฮัมมัด บิน ยะอ์กู้บ กุลัยนี คือสหายผู้ยิ่งใหญ่ของเราในเมื่องเรย์ และมีความสัจจะที่สุดในการรายงานฮะดีษ โดยใช้เวลาประพันธ์อัลกาฟีถึงสามสิบปี[7]

ผู้ประพันธ์หนังสืออัลมะอาลิม และมุนตะก้อล ญิมาน กล่าวว่า
ان احادیث الکتب الاربعة و امثالها محفوفة بالقرائن و انها منقولة من الاصول والکتب المجمع علیها بغیر تغییر[8]
และกล่าวถึงการอนุญาตรายงานฮะดีษว่า
ان اثر الاجازة بالنسبة الی العمل انما یظهر حیث لایکون متعلقها معلوما بالتواتر و نحوه ککتب اخبارنا الاربعة فانها متواتره اجمالا والعلم بصحة مضامینها تفصیلاً یستفاد من قرائن الاحوال و لامدخل للاجازة فیه غالباً[9]
หมายถึง เรามีเบาะแสที่ทำให้เชื่อมั่นในความถูกต้องของตำราทั้งสี่ ฉะนั้น การอนุญาตรายงานจึงไม่มีผลใดๆต่อเรื่องดังกล่าว

ฟัยฎ์ กาชานี กล่าวว่ากาฟีเป็นหนังสือที่ทรงคุณค่า สมบูรณ์ และครบครันมากที่สุด เนื่องจากรายงานจากตำรายุคเก่า(อุศู้ล) และปราศจากสิ่งเจือปน[10]
มัรฮูม คูอี้ กล่าวไว้ในอารัมภบทของตำราริญ้าลว่ามัรฮูม เชค มุฮัมมัดฮุเซน นออีนี เคยกล่าวในชั้นเรียนว่า การตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับสายรายงานของอัลกาฟีเป็นเรื่องของพวกด้อยความสามารถ และไม่มีใครสงสัยความถูกต้องของฮะดีษอัลกาฟีนอกจากพวกนี้เท่านั้น[11]

อย่างไรก็ดี ทัศนะที่เหมาะสมเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือทัศนะที่ปราศจากอคติหรือการยกย่องเกินเหตุ เพราะแม้ว่าหนังสืออัลกาฟีจะมีฮะดีษเศาะฮี้ห์จำนวนมาก แต่ก็ยังมีฮะดีษที่ไม่อาจยอมรับได้รวมอยู่ด้วย

5. การประพันธ์หนังสือหลังจากตำราเล่มใด มิได้หมายความว่าตำราเล่มก่อนไม่ดีเสมอไป เนื่องจากผู้ประพันธ์เล่มก่อนอาจต้องการจะเขียนลักษณะสังเขปหรืออาจมีมุมมองเฉพาะ แต่ผู้ประพันธ์เล่มต่อมาอาจต้องการเพิ่มรายละเอียดหรืออาจมีมุมมองที่แตกต่างออกไปก็เป็นได้ ดังที่มัรฮูม ฟัยฎ์ กาชานีเคยชมเชยอัลกาฟีในอารัมภบทหนังสืออัลวาฟี แต่ก็ระบุว่าเหตุที่ต้องเขียนอัลวาฟีก็เพราะอัลกาฟีมีลักษณะสังเขป[12]

6. ทัศนะของท่านวะฮี้ด เบะฮ์บะฮอนีคือ การที่ปลายสายรายงานไม่เชื่อมถึงอิมามมะอ์ศูม แต่ถึงเพียงศิษย์ของท่านเหล่านั้น[13] ฉะนั้นคำพูดที่ว่าเราได้ประจักษ์ว่าหนังสืออัลกาฟีมีฮะดีษหลายบทที่มิได้รายงานจากอิมามมะอ์ศูมนั้น มิไช่คำพูดของท่านวะฮี้ด แต่เป็นการนำคำพูดของท่านไปตีความอย่างผิดเพี้ยน ทั้งนี้เนื่องจากว่า แม้ปลายสายรายงานอาจจะไม่เชื่อมถึงอิมามมะอ์ศูมก็ตาม แต่มิได้หมายความว่าฮะดีษดังกล่าวไม่น่าเชื่อถือ หรือกุขึ้นมาแต่อย่างใด เนื่องจากบุคคลอย่างอลี บิน อิบรอฮีม หรือ อบีอัยยู้บ[14]จะไม่มีวันรายงานฮะดีษจากผู้อื่นที่มิไช่อิมามอย่างเด็ดขาด ด้วยเหตุนี้ท่านกุลัยนีจึงรายงานจากบุคคลเหล่านี้เพราะไว้วางใจในความน่าเชื่อถือของพวกเขา

 



[1] มุฮัดดิษ กุมี กล่าวถึงท่านกุลัยนีว่าผู้ประพันธ์ตำราอัลกาฟีอันทรงคุณค่าถือเป็นผู้รู้และนักรายงานระดับสูง และเป็นที่ภาคภูมิใจของชีอะฮ์ฮะดียะตุ้ลอะห์บ้าบ,เชคอับบาส กุมี, สำนักพิมพ์อมี้ร กะบี้ร,เตหราน 1364, หน้า 247

[2] อุศูลกาฟี, ษิเกาะตุลอิสลามกุลัยนี,แปลโดยซัยยิดญะว้าด มุศเฏาะฟะวี,สำนักพิมพ์วะฟา,เล่ม 1,บทนำผู้แปล,หน้า 8. เพื่อทราบข้อมูลเพิ่มเติมโปรดอ่านคำตอบที่ 1527 ระเบียน ฮะดีษในตำราอัลกาฟี

[3] ซัยฟี มอซันดะรอนี,อลีอักบัร, มิกยาสุรริวายะฮ์ ฟี อิลมิดดิรอยะฮ์,หน้า 44 อ่านเพิ่มเติมที่คำตอบที่ 1937

[4] อลี ฆอซี ชอฮ์รูดี,อัลอะอ์ลามุลฮาดิยะฮ์ อัรเราะฟีอะฮ์ ฟี อิอ์ติบาริล กุตุบิล อัรบะติลมะนีอะฮ์,หน้า 123

[5] เชคฮุร อามิลี,วะซาอิลุชชีอะฮ์,เล่ม 2,หน้า 76, อ้างใน มะอาลิมุ้ลอุศู้ล,หน้า 171 และ มัษก็อลญะมาล ฟิลอะฮาดีษิศศิฮ้าฮิวัลฮาล,เล่ม 1,หน้า 8

[6] ซุบฮานี,ญะอ์ฟัร, กุลลียาต ฟี อิลมิรริญาล,หน้า 360

[7] อัลอะอ์ลามุลฮาดิยะฮ์,หน้า 133 อ้างในริญาลนะญาชี

[8] อบูมันศู้ร ฮะซัน บินซัยนิลอาบิดีน, มะอาลิมุลอุศู้ล,หน้า 185

[9] อัลอะอ์ลามุลฮาดิยะฮ์,หน้า 152 อ้างในมะอาลิมุลอุศู้ล หมวดฮะดีษ

[10] อุศูลกาฟี,บทนำผู้แปล,หน้า 9

[11] มุอ์ญะมุรริญาลิลฮะดีษ,ซัยยิด อบุลกอซิม อัลมูซะวี อัลคูอี, ค้นคว้าเพิ่มเติมโดยมุรตะฎอ อัลฮะกะมี,สำนักพิมพ์อัลอาด้าบ,นะญัฟ,หน้า 99 บทนำที่ห้า

[12] ฟัยฎ์ คอชอนี,อัลวาฟี,สำนักพิมพ์อิสลามียะฮ์,หน้า 7

[13] เช่นในหมวดดิย้าต ได้รายงานฮะดีษชุดหนึ่งที่สิ้นสุด  อลี บิน อิบรอฮีม และอบี อัยยู้บ มิไช่อิมามมะอ์ศูม. อัรเราะซาอิลุลอุศูลียะฮ์,วะฮีด เบะฮ์บะฮอนี,หน้า 93, 213

[14] นะมอซี ชอฮ์รูดี,อลี, มุสตัฏเราะฟาตุ้ลมะอาลี,สำนักพิมพ์บะนา,พิมพ์ครั้งแรก,หน้า

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • ในทัศนะอิสลาม บาปของฆาตกรที่เข้ารับอิสลามจะได้รับการอภัยหรือไม่?
    8671 สิทธิและกฎหมาย 2554/06/12
    อิสลามมีบทบัญญัติเฉพาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเข้ารับอิสลามอาทิเช่นหากก่อนรับอิสลามเคยละเมิดสิทธิของอัลลอฮ์เช่นไม่ทำละหมาดหรือเคยทำบาปเป็นอาจินเขาจะได้รับอภัยโทษภายหลังเข้ารับอิสลามทว่าในส่วนของการล่วงละเมิดสิทธิเพื่อนมนุษย์เขาจะไม่ได้รับการอภัยใดๆเว้นแต่คู่กรณีจะยอมประนีประนอมและให้อภัยเท่านั้นฉะนั้นหากผู้ใดเคยล่วงละเมิดสิทธิของผู้อื่นเมื่อครั้งที่ยังมิได้รับอิสลามการเข้ารับอิสลามจะส่งผลให้เขาได้รับการอนุโลมโทษทัณฑ์จากอัลลอฮ์ก็จริงแต่ไม่ทำให้พ้นจากกระบวนการพิจารณาโทษในโลกนี้
  • ในเมื่อนบีมูซาสังหารชายกิบฏี แล้วจะเชื่อว่าท่านไร้บาปได้อย่างไร?
    10290 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/08/17
    นบีทุกท่านล้วนเป็นผู้ปราศจากบาปและมีสถานะอันสูงส่งณอัลลอฮ์ (ตามระดับขั้นของแต่ละท่าน) และมีภาระหน้าที่ๆหนักกว่าคนทั่วไปโดยมาตรฐานของบรรดานบีแล้วการให้ความสำคัญต่อสิ่งอื่นนอกเหนืออัลลอฮ์ถือเป็นบาปอันใหญ่หลวงอย่างไรก็ดีนักวิชาการมีคำอธิบายเกี่ยวกับเหตุการณ์สังหารชายชาวกิบฏีหลายทัศนะคำอธิบายที่น่าสนใจที่สุดคือท่านมิได้ทำบาปใดๆเนื่องจากการสังหารชาวกิบฏีในครั้งนั้นไม่เป็นฮะรอมเพราะควรแก่เหตุเพียงแต่ท่านไม่ควรรีบลงมือเช่นนั้นสำนวนในโองการกุรอานก็มิได้ระบุว่าเหตุดังกล่าวคือบาปของท่านดังที่มะอ์มูนถามอิมามริฎอ(อ.)เกี่ยวกับคำพูดของนบีมูซาที่ว่า “นี่คือการกระทำของชัยฏอนมันคือศัตรูผู้ล่อลวงอย่างชัดแจ้ง” หรือที่กล่าวว่า “
  • รายงานฮะดีซกล่าวว่า:การสร้างความสันติระหว่างบุคคลสองคน ดีกว่านมาซและศีลอด วัตถุประสงค์คืออะไร ?
    6903 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2555/05/17
    เหมือนกับว่าการแปลฮะดีซบทนี้ มีนักแปลบางคนได้แปลไว้แล้ว ซึ่งท่านได้อ้างถึง, ความอะลุ่มอล่วยนั้นเป็นที่ยอมรับ, เนื่องจากเมื่อพิจารณาใจความภาษาอรับของฮะดีซที่ว่า "صَلَاحُ ذَاتِ الْبَيْنِ أَفْضَلُ مِنْ عَامَّةِ الصَّلَاةِ وَ الصِّيَام‏" เป็นที่ชัดเจนว่า เจตนาคำพูดของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ต้องการกล่าวว่า การสร้างความสันติระหว่างคนสองคน, ดีกว่าการนมาซและการถือศีลอดจำนวนมากมาย[1] แต่วัตถุประสงค์มิได้หมายถึง นมาซหรือศีลอดเป็นเวลาหนึ่งปี หรือนมาซและศีลอดทั้งหมด เนื่องจากคำว่า “อามะตุน” ในหลายที่ได้ถูกใช้ในความหมายว่า จำนวนมาก เช่น ประโยคที่กล่าวว่า : "عَامَّةُ رِدَائِهِ مَطْرُوحٌ بِالْأَرْض‏" หมายถึงเสื้อผ้าส่วนใหญ่ของเขาลากพื้น[2] ...
  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60837 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ถ้าก่อนที่จะเกิดความถูกต้อง (สงบ) ฝ่ายหนึ่งได้อ้างการบีบบังคับ หรือขู่กรรโชก ถือว่าสิ่งนี้มีผลต่อข้อผูกมัดหรือไม่?
    5983 สิทธิและกฎหมาย 2554/06/21
    ในกรณีนี้บุคคลที่กล่าวอ้างว่าข้อผูกมัด (อักด์) ถูกต้องนั้นมาก่อนแต่ต้องกล่าวคำสาบานด้วยส่วนบุคคลที่กล่าวอ้างว่าได้มีการบีบบังคับหรือกรรโชกขู่เข็ญเกิดขึ้นจำเป็นต้องมีพยานยืนยันด้วย ...
  • สระน้ำเกาษัรคืออะไร?
    14482 การตีความ (ตัฟซีร) 2554/10/22
    “เกาษัร” หมายถึงความดีจำนวนมากมายและมหาศาล หรือตัวอย่างหลายกรณีสามารถกล่าวเพื่อสิ่งนั้นได้ เช่น : สระน้ำและแม่น้ำเกาษัร, ชะฟาอัต, นบูวัต, วิทยปัญญา, ความรู้, ลูกหลานจำนวนมากมาย, ทายาทมาก และ ...เกาษัร มีตัวอย่างสองประการ หนึ่งคือโลกนี้ได้แก่ (ฟาฏิมะฮฺซะฮฺรอ อะลัยฮัสลาม) ส่วนปรโลกคือ (สระน้ำเกาษัร)สระน้ำเกาษัร, คือแห่งน้ำดื่มอันชุ่มชื่นใจแห่งสรวงสวรรค์ ซึ่งมีความกว้างมากซึ่งชาวสวรรค์หลังจากผ่านสนามสอบสวนในวันฟื้นคืนชีพ หลังจากนั้นพวกเขาจะถูกนำตัวเข้าสวรรค์และเข้าไปยังสระน้ำนั้น พวกเขาจะได้ดื่มน้ำจากสระเกาษัรเพื่อดับความกระหาย และจะได้ลิ้มรสความอร่อยอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน. จากสระน้ำเกาษัร, จะมีแม่น้ำอีกสองสายไหลแยกออกไปและจะไหลผ่านอยู่ในสวรรค์นั้น ...
  • มุสลิมะฮ์ท่านใดที่พูดคุยด้วยโองการกุรอานนานหลายปี?
    7642 تاريخ بزرگان 2554/06/11
    มุสลิมะฮ์ท่านนี้ก็คือฟิฎเฎาะฮ์ทาสีของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ซึ่งตำราชั้นนำต่างระบุว่านางพูดคุยด้วยโองการกุรอานนานหลายปี. ...
  • มีหนทางใดบ้างสำหรับรักษาสายตาอันร้ายกาจ?
    8116 چشم زخم و طلسم 2555/07/16
    สายตาอันร้ายกาจเกิดจากผลทางจิตวิญญาณ ซึ่งไม่มีเหตุผลในการปฏิเสธแต่อย่างใด,ทว่ามีเหตุการณ์จำนวนมากมายที่เราได้เห็นกับตาตัวเอง มัรฮูมเชคอับบาส กุมมี (รฮ.) แนะนำให้อ่านโองการที่ 51 บทเกาะลัม เพื่อเยียวยาสายตาอันร้ายกาจ, ซึ่งเมื่อพิจารณาสาเหตุแห่งการประทานลงมาของโองการแล้ว เหมาะสมกับการรักษาสายตาอันร้ายกาจอย่างยิ่ง นอกจากโองการดังกล่าวแล้ว ยังมีรายงานกล่าวเน้นถึง การอ่านอัลกุรอานบทอื่นเพื่อรักษาสายตาอันร้ายกาจไว้อีก เช่น อัลกุรอานบท »นาส« »ฟะลัก« »ฟาติฮะฮฺ« »เตาฮีด« นอกจากนี้ตัฟซีรอีกจำนวนมากยังได้กล่าวเน้นให้อ่านอัลกุรอานบทที่กล่าวมา ...
  • สัมพันธภาพระหว่างศรัทธาและความสงบมั่นที่ปรากฏในกุรอานเกิดขึ้นได้อย่างไร?
    7582 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/03/07
    อีหม่านให้ความหมายว่าการให้การยอมรับ ซึ่งตรงข้ามกับการกล่าวหาว่าโกหก แต่ในสำนวนทั่วไป อีหม่านหมายถึงการยอมรับด้วยวาจา ตั้งเจตนาในใจ และปฏิบัติด้วยสรรพางค์กาย ส่วน “อิฏมินาน” หมายถึงความสงบภายหลังจากความกระวนกระวายใจ ความแตกต่างระหว่างอีหม่านและความสงบมั่นทางจิตใจก็คือ ในบางครั้งสติปัญญาของคนเราอาจจะยอมรับเรื่องใดเรื่องหนึ่งด้วยกระบวนการพิสูจน์เชิงเหตุและผล ทว่ายังไม่บังเกิดความสงบมั่นใจจิตใจ แต่ถ้าลองได้มั่นใจในสิ่งใดแล้ว ความมั่นใจนี้จะนำมาซึ่งความสงบมั่นทางจิตใจในที่สุด มีผู้ถามอิมามริฎอ(อ.)ว่า ท่านนบีอิบรอฮีม(อ.)มีความเคลือบแคลงสงสัยหรืออย่างไร? ท่านตอบว่า “หามิได้ ท่านมีความมั่นใจจริง แต่ทว่าท่านขอให้พระองค์ทรงเพิ่มพูนความมั่นใจแก่ตนเองอีก” ...
  • ชาวอะฮ์ลิสซุนนะฮ์มีทัศนะอย่างไรเกี่ยวกับท่านบิล้าล?
    7458 تاريخ بزرگان 2554/08/08
    หนังสืออ้างอิงทางประวัติศาสตร์ของชาวอะฮ์ลิสซุนนะฮ์กล่าวถึงท่านบิล้าลผู้เป็นอัครสาวกว่าท่านได้รับการไถ่ตัวโดยท่านอบูบักร์ท่านเป็นผู้ศรัทธาที่อดทนต่อการทรมานโดยกาเฟรมุชริกีนและเป็นนักอะซานประจำของท่านนบี(ซ.ล.) อีกทั้งยังเป็นนักต่อสู้เพื่ออิสลามในสมรภูมิต่างๆเคียงข้างท่านนบี(ซ.ล.) ทว่าหลังจากที่นบีละสังขารท่านก็จากเมืองมะดีนะฮ์มุ่งสู่แคว้นชามและเสียชีวิตณที่นั่น ...

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    60837 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    58530 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    42927 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    40595 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    39558 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    34682 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    28763 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    28640 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    28624 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    26520 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...